'Cloud Computing' เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

'Cloud Computing' เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ทำความรู้จัก "Cloud Computing" กลุ่ม Megatrend ที่กำลังเปลี่ยนโลก และจะสามารถข้ามผ่านทุกสภาวะเศรษฐกิจได้ รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในการลงทุน

“Cloud” กลุ่มก้อนเมฆที่มองเห็นได้จากทุกมุมโลกและพบเจอได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เปรียบเสมือนลักษณะการให้บริการของกลุ่มธุรกิจ Cloud Computing อันเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นอย่างมหาศาลและยังสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ว่าผู้ใช้บริการจะอยู่มุมไหนของโลกและจะเป็นเวลาใด ขอเพียงแค่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ก็สามารถใช้บริการ Cloud Computing ได้แล้ว และนี่คือ Concept ของ Cloud Computing

Cloud Computing ให้บริการทั้ง Hardware และ Software ครอบคลุมการให้ใช้บริการระบบประมวลผล หน่วยจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆ สามารถช่วยลดความยุ่งยากของธุรกิจในการติดตั้ง การดูแลระบบ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลา และช่วยลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเอง

ไม่เพียงแค่นั้น ความพิเศษของ Cloud Computing คือ ผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้บริการได้มากน้อยตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกำลังการประมวลผล หรือความจุของข้อมูล โดยเสียค่าบริการตามจำนวนการใช้งาน เรียกได้ว่าสามารถ Customize ได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และยังสามารถเข้าใช้บริการได้ทุกวันและตลอดเวลาแบบ 24/7 เลยทีเดียว เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้บริการ Cloud Computing ได้แล้ว จึงทำให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ รวมถึงผู้ใช้งานรายบุคคลหันมาใช้บริการจาก Cloud Computing มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Cloud Computing แบ่งได้ 3 ประเภท ตามรูปแบบของการให้บริการ ได้แก่

1) SaaS (Software as a Service) ให้บริการซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชัน เช่น ซอฟต์แวร์ทางบัญชี ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล โดยผู้ใช้สามารถใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เลย หากยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวลงมา เช่น Google Apps ที่ทำให้เราสามารถสร้าง Document หรือ Presentation ได้โดยที่ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่อง สามารถเรียกใช้งานจากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ ที่ใดก็ได้ และยังสามารถแชร์งานกับผู้อื่นได้อีกด้วย

2) PaaS (Platform as a Service) ให้บริการแพลตฟอร์ม สำหรับนักพัฒนาโปรแกรม เช่น บริการ Google App Engine, Azure DB และ Amazon RDS 

3) IaaS (Infrastructure as a Service) ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบประมวณผล ระบบจัดเก็บข้อมูล และ ระบบเครือข่าย เช่น Azure, AWS, Dropbox และ ICloud

ด้วยความสะดวกและประสิทธิภาพจากการใช้งาน Cloud Computing ทำให้ในช่วงหลังธุรกิจกลุ่ม Cloud Computing มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยจากรายงานของ Canalys บริษัทวิจัยตลาดชื่อดังของโลก พบว่าในปี 2019 ที่ผ่านมา การใช้บริการ Cloud Computing Infrastructure ทั่วโลกมีมูลค่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ถึง 37% และยังคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2024 การใช้บริการ Cloud Infrastructure จะมีมูลค่าสูงถึง 2.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดย Cloud Computing ให้บริการในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่ม Healthcare หรือองค์กรต่างๆ การให้บริการของ Cloud ครอบคลุมทั้งระบบการจัดการทรัพยากรบุคคล ระบบ Payroll หรือแม้กระทั่งระบบการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลจากฐานข้อมูลลูกค้า เช่น Netflix, Uber และ Airbnb เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Cloud ได้ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์กรทั้งหลายกว่า 90% ใช้บริการจาก Cloud เพื่อต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารงานขององค์กร

ในขณะที่การมาของเทคโนโลยี 5G เป็นตัวเร่งที่ทำให้ Cloud Computing มีบทบาทมากยิ่งขึ้นไปอีก โดย 5G จะตอบสนองได้ไวกว่า 4G ถึง 10 เท่า รับ-ส่ง ข้อมูลได้มากกว่า 4G ถึง 7 เท่า และรองรับการใช้งานที่มากกว่าเดิมได้ถึง 10 เท่า คือ จากที่สามารถรับคนได้ 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. กลายเป็น 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

และยุค 5G จะไม่ครอบคลุมแค่โทรศัพท์มือถืออีกต่อไป แต่จะรวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) เช่น Smart Home, Smart Infrastructure, Smart City และ Smart Car

ดังนั้น การผนึกกำลังกันระหว่าง Cloud Computing และ 5G จะทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไปอีกขั้นหนึ่ง การมาของ 5G จะทำให้อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น และความเร็วแรงของ 5G จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพของ Cloud Computing และเพิ่มอัตราการใช้บริการ Cloud Computing ได้อย่างมาก

ในแง่ของการลงทุน ธุรกิจ Cloud Computing นับว่ามีความน่าสนใจมาก เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีกหลายปีข้างหน้า ยกตัวอย่าง บริษัท Twilio Inc. จากสหรัฐฯ ผู้ให้บริการ Cloud ในด้าน Platform โดยมี Software ให้ผู้พัฒนาระบบนำไปต่อยอดสำหรับการติดต่อสื่อสารทั้งการโทร การรับ-ส่งข้อความ และการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ โดย Twilio Inc. เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2016 ด้วยราคา IPO ที่ 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ ณ ปัจจุบัน ราคาหุ้น Twilio Inc. อยู่ที่ประมาณ 220 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ผลประกอบการของ Twilio Inc. ก็น่าประทับใจไม่แพ้ราคาหุ้น โดยในช่วงสามปีที่ผ่านมา Twilio รายงานอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยถึง 64% และในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้ของ Twilio เติบโตขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น ด้วยธุรกิจของ Twilio ที่ให้บริการในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร จึงทำให้ Twilio ได้ประโยชน์มากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่ง Twilio เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นของบริษัทในกลุ่ม Cloud Computing ที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและเป็นที่น่าจับตามองในอนาคต

ดังนั้น กลุ่มธุรกิจ Cloud Computing กล่าวได้ว่าเป็นกลุ่ม Megatrend ที่กำลังเปลี่ยนโลก และจะสามารถข้ามผ่านทุกสภาวะเศรษฐกิจได้ รวมถึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในการลงทุน

หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPTTM Wealth Manager