'แม่ทัพออริจิ้น' ชู 'น่านน้ำใหม่' โมเดลรอด..! วิกฤติโควิด

'แม่ทัพออริจิ้น' ชู 'น่านน้ำใหม่' โมเดลรอด..! วิกฤติโควิด

ความท้าทายที่ออริจิ้นจะทำต่อไป 'ไม่ใช่'การจับปลาในน่านน้ำเดิม แต่เป็นการออกไปหา 'น่านน้ำใหม่' เจอปลาสายพันธุ์ใหม่ อาหารชิ้นใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ (นิวนอร์มอล) ของผู้บริโภค ในระหว่างที่สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อต้องใช้เวลาฟื้นตัว

เมื่อโควิดเป็นปัจจัย “เร่ง” ให้ทุกสิ่งทุกอย่างจากนี้ จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม แล้วอนาคตธุรกิจพัฒนา “อสังหาริมทรัพย์” หลังโควิดจะเป็นอย่างไร โมเดลธุรกิจใหม่ใดจะ“รีสตาร์ท” ธุรกิจอสังหาฯให้กลับมา เพราะรูปแบบการดำเนินธุรกิจเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ (นิวนอร์มอล) ของผู้บริโภค ขณะที่สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้ออาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวกว่า 2 -3 ปีจึงจะกลับมายืนเท่าสถานการณ์ก่อนโควิด ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดอสังหาฯทวีความรุนแรงขึ้น เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อที่มีอยู่จำกัด

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นักพัฒนาอสังหาฯมือดีจากอัตราเติบโตธุรกิจรวดเร็ว เผยความท้าทายในมุม“ออริจิ้น”หลัง โควิด-19 คลี่คลาย คือต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่ของผู้คน ด้วยการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ครบวงจรในกรอบความชำนาญเก่า ไม่ใช่ไปขยายธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักเลย

เริ่มจากทำบริษัทที่ปรึกษาในการบริหารโครงการ เพื่อดึงลูกค้าที่ซื้ออสังหาฯออริจิ้นมาเป็นลูกค้าของออริจิ้นตลอดชีวิตภายใต้กลุ่มพรีโมกรุ๊ป รวมถึงการก้าวสู่ ‘ธุรกิจสินทรัพย์รอการขาย’ หรือ NPA เนื่องจากเล็งเห็น “โอกาส” ในการจัดตั้งบริษัทแอสเซท แมเนจเมนท์ เพื่อบริหารสินทรัพย์ประเภทอสังหาฯ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลา

ถัดมาเป็นเรื่องของการขยายไปสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ คือการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับความนิยมติดบนหลังคาบ้านจัดสรรในโครงการ นอกจากนี้จากการที่ประเทศไทยสามารถสู้กับโควิดได้ดีถือเป็น “จุดขาย” ทำให้กำลังศึกษาธุรกิจเฮลธ์แคร์ เพราะมองเห็นศักยภาพของเมดิคัล ทัวริสซึ่ม ที่เข้ามาในอนาคต

“เสน่ห์ของการกระจายความเสี่ยงทำให้สามารถรับมือกับความผันผวนที่ไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอสิ่งนั้นมาก่อน หนึ่งในนั้นคือโควิด -19 ทำให้เห็นเสน่ห์ของการทำธุรกิจให้หลากหลาย ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของออริจิ้นในการขยายหรือแตกไลน์ไปธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะเติบโตมาจากสายการพัฒนาธุรกิจใหม่ ในช่วงที่รับจ้างบริหาร”

พีระพงศ์ ยังประเมินว่า จากนี้ไปเศรษฐกิจอาจไม่ขยายตัวหรือ‘หดตัว’ต่อเนื่องไปอีกหลายปี การทำ Co-creation (สร้างความร่วมมือพันธมิตร) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากพนักงาน และสร้างแวลูใหม่ให้กับลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ล่าสุดบริษัทได้ศึกษาในเรื่องการส่งของต่างๆ ถึงบ้านถึงห้องถึงคอนโดมิเนียมของลูกค้าโดยร่วมกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกหลายราย เพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขอนามัยต่างๆให้ลูกค้าและสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ในอนาคต ทั้งโควิดหรือโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นรูปแบบของการ‘เรียนรู้’ เพื่อที่จะปรับตัวและสร้างเครื่องมือใหม่ๆออกมารองรับวิกฤติและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

“วิชั่นออริจิ้นต่อจากนี้ในอีก 5ปี(แผนระยะกลาง) บริษัทจะมีรายอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากการขายบ้านและขายคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ30% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ5-10% ส่วนแผนระยะยาวจะเพิ่มสัดส่วนให้ได้ 40-50% โดยยังรักษายอดขายอสังหาฯ ที่ธุรกิจหลักให้มียอดขายไม่ต่ำกว่าปีละ1.5-2หมื่นล้านบาท”

พีระพงศ์ วิเคราะห์ว่า ดีมานด์อสังหาฯในเมืองน่าจะคงที่ จึงไม่สามารถเพิ่มสเกลได้ ดังนั้นแนวทางการทำธุรกิจอสังหาฯของออริจิ้นจะเติบโตได้จากการชิงมาร์เก็ตแชร์จากคู่แข่งเพิ่มทั้งในตลาดและนอกตลาดหลักทรัพย์ โดยเขาคาดการณ์ว่า หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ยาวนานมา 3ปีไม่ว่าจะเป็นการค้าในประเทศ สงครามการค้าต่างประเทศ ปัญหาการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป จนกระทั้งมาถึงโควิด-19 จำนวนผู้เล่นในตลาดอสังหาฯที่อยู่นอกตลาดจะหายไป โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เหลือหลัก100 รายจากจำนวนหลัก1,000ราย

“สิ่งที่เราจะทำต่อไปไม่ใช่การจับปลาในน่านน้ำเดิม แต่เป็นการออกไปหาน่านน้ำใหม่ เพื่อไปเจอปลาสายพันธุ์ใหม่อาหารชิ้นใหม่ๆ ซึ่งเรารู้สึกสนุกกับการทำงานในลักษณะนี้และทำได้ดี ขณะที่บางบริษัทพยายามที่เติบโตนอกสโคปเดิมจึงจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายการลงทุน หรือต้องเผชิญภาวะขาดทุนในช่วงต้น แต่แนวทางการทำธุรกิจของเราไม่ได้เป็นในลักษณะนั้น เพราะทุกครั้งที่ขยายตัวจะสามารถทำกำไรได้ทุกธุรกิจ และทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความสามารถที่มีอยู่ในดีเอ็นเอของออริจิ้น”

พีระพงศ์ กล่าวว่า โควิด -19 เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ไม่มีใครคิดว่าจะได้เจอ แต่เมื่อต้องเผชิญวิกฤติต้อง‘ปรับตัว’ให้ทันบทเรียนที่ได้รับคือการกระจายความเสี่ยงจากการทำธุรกิจที่หลากหลายจะช่วยให้เวลาที่เกิดปัญหาที่ไม่ได้คาดคิดเหมือนกับการเกิดโควิด -19 ทำให้สามารถรับมือได้ดี

“จากเดิมออริจิ้นจะเน้นคอนโดมิเนียมเซกเมนต์ระดับกลางและทำในทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเป็นหลัก และทำแค่บางสายในช่วงก่อตั้ง ต่อมาตัดสินใจขยายครอบคลุมแนวรถไฟฟ้า และทำในทุกเซกเมนต์รวมถึงการขยายพอร์ตบ้านจัดสรรในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาครอบคลุมในทุกทำเลและขยายไปในทุกเซกเมนต์เช่นกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีสินค้าหลากหลายพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”