'BSF' ยังครบ 4 แสนล้าน ไร้เอกชนยื่นขอใช้บริการ

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในฐานะกรรมการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) เปิดเผยว่า หลังจากธปท.จัดตั้งกองทุน BSF เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีบริษัทเอกชนรายใดเข้ามาขอใช้บริการจากกองทุนดังกล่าว ซึ่งเรามองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะบริษัทเอกชนสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนได้ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา มีบริษัทเอกชนแสดงความสนใจและขอข้อมูลของกองทุนดังกล่าวจำนวนหนึ่งและมีเพียง 1 รายที่ยื่นขอใช้บริการจากกองทุน แต่ที่สุดแล้ว บริษัทเอกชนรายนั้น ก็สามารถจัดหาแหล่งเงินได้ด้วยตัวเอง สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทเอกชน

“ถือว่า บริษัทเอกชนสามารถประคองตัวเองหรือจัดหาแหล่งเงินทุนได้ สะท้อนถึงความสามารถทางการเงิน ทั้งนี้ กองทุนที่ธปท.จัดตั้งขึ้นมาดังกล่าวนั้น ถือเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ออกหุ้นกู้”

ทั้งนี้กองทุน BSF ถูกตั้งขึ้นเพื่อดูแลให้กลไกตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนทำงานได้ในภาวะที่ตลาดการเงินมีความกังวลจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและการดำเนินของภาคธุรกิจ จนลุกลามกลายเป็นวิกฤติความเชื่อมั่น และบั่นทอนเสถียรภาพของระบบการเงินไทย

โดยพระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 ได้ให้อำนาจกระทรวงการคลังและธปท.ร่วมกันดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ผ่านการจัดตั้งกองทุน BSF เพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ทำให้การระดมทุนในตลาดสามารถทำงานได้อย่างปกติ และตลาดการเงินยังทำหน้าที่สำคัญในการเป็นแหล่งกลางในการจัดสรรเงินทุนของภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับรูปแบบกองทุน BSF นั้น จะเป็นแหล่งการสนับสนุนสภาพคล่องสำรอง (backstop)ให้กับแก่บริษัทที่มีผลดำเนินธุรกิจดี แต่ขาดสภาพคล่องชั่วคราวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ตราสารหนี้จะครบกำหนดในปี 2563-2564 โดยกองทุน BSF มีระยะเวลาการดำเนินการไม่เกิน 5 ปี และธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้ลงทุนในกองทุน BSF วงเงินรวมไม่เกิน 4 แสนล้านบาท