ไม่ต้องกล้า แต่อย่างถึงกับกลัว

ไม่ต้องกล้า แต่อย่างถึงกับกลัว

ตลาดยังให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะตัวเลขอัตราการจ้างงานที่ดีกว่าคาด โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ มิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่ง (ตลาดคาด 3 ล้านตำแหน่ง) ขณะที่อัตราว่างงานอยุ่ที่ 11.1% (ตลาดคาด 12.3%) ซึ่งตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้น 2 เดือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจด้านท่องเที่ยวและสันทนาการ, ค้าปลีก, บริการ ทำให้ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สถานการณ์ระบาดล่าสุด ผู้ป่วยรายวันทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 แสนราย ขณะที่อัตราการเสียชีวิตทั่วโลกทรงตัวที่ระดับ 5 พันราย ขณะที่สถานการณ์ระบาดในสหรัฐฯ ล่าสุดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5.7 หมื่นราย ขณะที่อัตราการเสียชีวิตทรงตัวที่ระดับต่ำกว่า 7 ร้อยราย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดยังเลือกที่จะไม่กังวลกับยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น ตราบใดทีอัตราการเสียชีวิตยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เข้ารับการรักษา (active cases) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้อาจต้องระวังอัตราการเสียชีวิตอาจกลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกดดันภาพการลงทุน

ไม่ต้องกล้า แต่อย่าถึงกับกลัว สภาพคล่องในระบบที่อยู่ในระดับสูง ทำให้การปรับฐานหนักๆ เกิดขึ้นได้ยาก และตลาดฟื้นตัวหลังจากลงทดสอบโซนซื้อทางพื้นฐาน (1260-1316 จุด) เพียงเล็กน้อย สถานการณ์ที่ตลาดหุ้น (ความเสี่ยงและผลตอบแทนสูงสมดุลกัน) น่าสนใจกว่าตลาดพันธบัตร (ความเสี่ยงต่ำผลตอบแทนสูง) ทำให้ตลาดอาจเคลื่อนไหวทรงตัวในระดับที่ดีกว่าคาดจนกว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดกังวล ซึ่งเป็นภาวะที่ยังเหมาะกับการเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน

Theme การลงทุนและกลุ่มที่น่าใจ เราคงมุมมองระมัดระวังและเลือกหุ้นปลอดภัย (defensive) มากขึ้น ระหว่างรอประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาด 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ออกมาดี ได้แก่ ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ SCC, IVL, AJ, PTL, TIP, THRE, STA 2) กลุ่มปลอดภัยหรือรายได้มั่นคง (defensive) ได้แก่ CPALL, ADVANC, INTUCH, RATCH, SSP, SUPER 3) กลุ่มที่เห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง EASTW, WHAUP, CPF, TU 4) กลุ่มสถาบันการเงินอยู่ใน valuation ต่ำและสะท้อนปัจจัยความกังวลไปพอสมควร BBL, KBANK 5) กลุ่มเดินเรือ PSL 6) อสังหาฯ ชอบ SPALI, SC, AP

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวโดยมีโมเมนตัมเก็งกำไรเป็นบวก คงมุมมอง ก.ค. จะเป็นช่วงที่ผันผวนจากการระบาดระลองสอง เก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงทุกครั้ง  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร TU*, AP*, WHAUP* / ขายชอร์ต AOT (เป้า 56 ตัดขาดทุน 62)

แนวรับ 1,364 จุด / แนวต้าน : 1,387-1,400 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในฟลอริดาทำสถิติใหม่ รัฐฟลอริดารายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 10,000 ราย/วัน โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤต

สหรัฐเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งและอัตราการว่างงานลดลง กระทรวงแรงงานสหรัฐแจ้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นี่ 3 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 11.1% จากระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. โดยลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน

กลุ่มโอเปคปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย.ลง 1.84 ล้านบาร์เรล/วัน - ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันได้ปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือนมิ.ย.ลง 1.84 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับของเดือนพ.ค.มาอยู่ที่ระดับ 17.2 ล้านบาร์เรล/วัน

รองนายกรัฐมนตรีแจงให้เร่งหามาตรการกระตุ้นการบริโภครวมและมาตรการพักหนี้ - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์แจงกรมสรรพากรและสศค.เร่งหามาตรการางภาษีกระตุ้นการบริโภค พร้อมให้กระทรวงการคลังและธปท.ร่วมหารือให้สถาบันการเงินขยายเวลาพักชำระหนี้ และผ่อนเกณ์ซอฟต์โลน โดยจะต้องแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือน ก.ค.

ประเด็นติดตาม: 3 ก.ค. – TH CPI เดือน มิ.ย./ 6 ก.ค. – US PMI เดือน มิ.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)