SKY - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

SKY - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

Ø กำไรสุทธิงวด 1Q20 ลดลง -35.7%YoY แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิใน 4Q19:

1Q20 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน เท่ากับ 719.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  +41.5%QoQ และ +2.8%YoY แม้รายได้จากธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (SI) ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การส่งมอบงานงานโครงการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกลระยะที่ 2  (USO 2) ล่าช้ากว่าแผน แต่รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นสามารถชดเชยได้ หลังขยายตลาดสู่ภาคเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับ ระบบควบคุมการเข้าออก (CASS) และ ระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 18.7% จาก 6.5% ใน 1Q19 หลังการเปลี่ยนนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการรับรู้รายได้ตามมาตรฐานบัญชี TFRS 15 เรื่องการรับรู้รายได้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.19 และปรับตัวดีขึ้นจาก 14.1% ในไตรมาสก่อน จากการบันทึกกำไรหลังติดตั้งและส่งมอบงานเสร็จสมบูรณ์

ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้อยู่ที่ระดับ 11.0% เพิ่มขึ้นจาก 8.7% ใน 1Q19 จากการควบรวมพนักงานบริษัท เรย์เทล จำกัด ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นหลัก แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนสัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้รวมปรับตัวลดลงจากระดับ 17.7% ตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานเป็นต้นทุนคงที่ ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 1Q20 เท่ากับ 19.3 ล้านบาท ลดลง      -35.7%YoY แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิ 33.4 ล้านบาทในไตรมาสก่อน โดยคิดเป็น 7.1% ของประมาณการทั้งปีของเรา เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้เป็นลักษณะงานโครงการ

 

Ø ผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย :

คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 3Q20 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งจะทำให้การส่งมอบงานเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ประกอบกับคาดว่าการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะเริ่มทยอยกลับมา โดยบริษัทมียอด Backlog ณ ปัจจุบันที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท ที่จะรับทยอยรู้รายได้ในปี 20-21 และอยู่ระหว่างเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐหลายโครงการมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญาจ้างงานให้บริการระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่องของ AOT มูลค่า 8.62 พันล้านบาท มีระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2573 (ยังไม่รวมในประมาณการ) นอกจากนั้นบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดภาคเอกชน โดยเน้นไปที่ Smart Security Platform และ Facility Management ในกลุ่มอาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงแรม และโรงพยาบาล คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ใน 3Q20 และมีแผนขยายธุรกิจ Smart Security ไปในต่างประเทศในช่วงกลางปี เช่น ประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เราคงรายได้จากการดำเนินงานและกำไรสุทธิปี 20 ไว้ที่ 4,316.2 ล้านบาท และ 272.3 ล้านบาท เติบโต +9.0%YoY และ +24.6%YoY ตามลำดับ

 

Ø ปรับคำแนะนำเป็นซื้อเมื่ออ่อนตัวราคาเป้าหมายปี 20 เท่ากับ 14.70 บาท :

เราประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER +1SD  ของหุ้นกลุ่ม ICT ย้อนหลัง 3 ปีที่ 30 เท่า โดยใช้ EPS Fully Diluted (รวมหุ้น PP 20 ล้านหุ้น) ได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 14.70 บาท โดยราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนใกล้เคียงมูลค่าพื้นฐานของเรา จึงปรับคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ความเสี่ยง

  1. การพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่โดยเฉพาะภาครัฐ
  2. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

    3. การดำเนิงานโครงการและการส่งมอบงานล่าช้า