จ่ายวันนี้!  สกสค. เร่งเยียวยา 'กลุ่มเลิกจ้าง' สั่งอนุมัติเบิกจ่าย 1 แสนบาท

จ่ายวันนี้!  สกสค. เร่งเยียวยา 'กลุ่มเลิกจ้าง' สั่งอนุมัติเบิกจ่าย 1 แสนบาท

บอร์ดองค์การค้า สกสค. เร่งเยียวยาเจ้าหน้าที่ที่ถูกเลิกจ้างทุกคน สั่งอนุมัติเบิกจ่ายคนละ 1 แสนบาท วันนี้ทันที

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 63 นายธนพร สมศรี รองเลขาธิการ สกสค. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ สกสค. ชี้แจงถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหาแนวทางเร่งรัด การเบิกจ่ายค่าชดเชยบางส่วนเป็นจำนวนเงินคนละ 100,000 บาท ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ถูกเลิกจ้างทุกคนโดยเร็วที่สุด โดยจะให้มีการเบิกจ่ายค่าชดเชยได้ภายในวันนี้ (วันที่ 3 กรกฎาคม) ทันที ไม่ต้องรอการเบิกจ่ายในปลายเดือนกรกฎาคมตามวงรอบบัญชีเงินเดือนแต่อย่างใด

“บอร์ดบริหาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้แสดงความห่วงใยว่า แม้การเลิกจ้างจะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้แต่ระหว่างนี้ หากเจ้าหน้าที่สามารถมีเงินก้อนที่จ่ายให้ล่วงหน้าก่อน จะสามารถนำเงินที่ได้รับนี้ไปจัดสรร หรือบริหารการเงินส่วนตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เป็นการแบ่งเบาภาระ หรืออาจจะช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่บางคนสามารถเริ่มดำเนินกิจการทางธุรกิจได้รวดเร็วมากขึ้น” โฆษกคณะกรรมการ สกสค.กล่าว

นายธนพร กล่าวว่า บอร์ดองค์การค้าของสกสค. ได้หารือกันโดยละเอียด โดยคำนึงถึงสภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน และพิจารณาถึงแนวทางที่จะเอื้อประโยชน์สูงสุดให้กับเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ จึงมีมติเห็นชอบในการกำหนดการจ่ายค่าชดเชยออกเป็น 2 ประเภท เต็มจำนวนตามกฎหมายกำหนด โดยใช้เงื่อนไขอายุการทำงานและเงินเดือนล่าสุดเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีอายุงานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชยรวม 400 วัน หรือประมาณ 13 เดือนและกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีอายุงานต่ำกว่า 20 ปี จะได้รับเงินชดเชย 300 วัน หรือประมาณ 10 เดือน

“เจ้าหน้าที่บางคนจะได้รับเงินชดเชยและเงินบำเหน็จรวม 4 ล้านบาทเศษ โดยผู้ที่ได้รับต่ำสุดจะได้รับไม่น้อยกว่า 5 แสนบาทซึ่งการชดเชยโดยรวมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่องค์การค้าฯ จะได้รับมากกว่าพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไปที่มีการเลิกจ้าง” นายธนพรกล่าว

โฆษกคณะกรรมการ สกสค. กล่าวด้วยว่า ช่วงระยะเวลา 1 ปี ของคณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ สกสค. ชุดใหม่ ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานขององค์การค้าฯ ที่มีต่อเนื่องกว่า 15 ปี ซึ่งมีตัวเลขที่ติดลบต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงได้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562     โดยมีแนวทางเลือกไว้ 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การหยุดกิจการ 2.ดำเนินกิจการเช่นเดิมต่อไป หรือ 3.การปรับองค์กรด้วยลดจำนวนพนักงาน

แนวทางแรกคือการหยุดกิจการเลย แล้วนำทรัพย์สินที่มีออกขายเพื่อชำระหนี้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องตกงาน และองค์การค้า ฯ ก็เหมือนจะถูกยุบไปเลย แต่ สกสค. ในฐานะนิติบุคคลขององค์การค้าฯ ยังคงต้องรับผิดชอบในหนี้ 6,700 ล้านบาททั้งหมด จะได้คืนเพียงมูลค่าทรัพย์สินขององค์การค้า ฯ เช่น ที่ดิน เป็นต้น

แนวทางที่สองยังคงเดินหน้ากิจการต่อไปตามเดิม ซึ่งจะยังคงประสบกับภาวะขาดทุนไปเรื่อยๆ โดยขาดทุนปีละประมาณ 300- 400 ล้านบาท อาจจะทำให้ยอดหนี้สูงถึง 1 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาอันใกล้ นั่นหมายความว่า สกสค.ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด และมีครูทั่วประเทศที่นำเงินมาฝากไว้ จะได้รับผลกระทบจากยอดหนี้ที่สูงมากขึ้น 

แนวทางที่สามคือการปรับองค์กรด้วยการลดจำนวนพนักงาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาอย่างรอบด้าน จึงตัดสินใจเลือกแนวทางที่สาม เพื่อให้องค์กรยังคงอยู่ และคัดสรรบุคคล คิดแผนกลยุทธ์ ปรับทิศทางการดำเนินงาน ให้สามารถดำเนินกิจการ และสามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป” นายธนพรกล่าว

นายธนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ การตัดสินใจดำเนินการปรับลดเจ้าหน้าที่ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากช่วงระยะเวลาก่อนหน้าทางองค์การค้าฯ มีภารกิจต้องเร่งผลิตหนังสือเรียนประจำปี 2563 และวางแผนการจัดส่งให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้การเรียนการสอนไม่สะดุดหรือติดขัด เมื่อหนังสือได้ส่งถึงมือนักเรียนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และได้พิจารณาเห็นว่าจำนวนพนักงานที่คงเหลือ ประมาณ 25% ของพนักงานทั้งหมดเพียงพอ และสามารถวางแผนเพื่อเตรียมการสำหรับงานในปีถัดในกรอบระยะเวลาที่มีได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการครั้งนี้

สำหรับพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง 961 รายนั้น มีอายุงานโดยเฉลี่ย 25 ปี 5 เดือน และมีเงินเดือนโดยเฉลี่ยเดือนละ 31,287 บาท ซึ่งการพิจารณาค่าชดเชยครั้งนี้ ทาง สกสค. ต้องใช้เม็ดเงินกว่า 423 ล้านบาทเศษ เมื่อรวมกับค่าบำเหน็จของเจ้าหน้าที่จำนวน861 ล้านบาทเศษแล้ว ต้องใช้จำนวนเงินโดยรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 1,285 ล้านบาท และยังคงสิทธิในการพิจารณาค่าการทำงานในวันพักร้อน ซึ่งอยู่ระหว่างการคิดคำนวณเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งทางองค์การค้าฯ ต้องกู้ยืมเพื่อมาดำเนินการในการจ่ายค่าชดเชยครั้งนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหาร สกสค. ได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ในการแต่งตั้งให้นายอดุลย์ บุสสา ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าฯ โดยมอบหมายภารกิจเร่งด่วนในการจัดทำแผนฟื้นฟูการบริหารจัดการ และแผนการดำเนินธุรกิจขององค์การค้าฯ และให้เสนอคณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ สกสค.ภายใน 30 วัน โดยแผนที่นำเสนอ หากจำเป็นต้องมีแผนงานด้านบุคลากร และมีการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ใหม่เพิ่มเติม ก็ให้สามารถประกาศรับสมัครได้ ซึ่งทางคณะกรรมการจะต้องรอพิจารณาแผนโดยละเอียดอีกครั้ง