'วันเข้าพรรษา' ไอคอนสยามชวนขอพร 4 พระพุทธรูปดัง เวิร์คชอป 'ดอกผึ้งบูชา'

พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ให้ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปีเป็น "วันเข้าพรรษา" พระภิกษุสงฆ์ต้องพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือนโดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า ‘จำพรรษา’

พรรษา แปลว่า ฤดูฝน, จำ แปลว่า อยู่

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกอยู่ประจำพรรษา เหล่าภิกษุสงฆ์จึงออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ต่างๆ โดยไม่ย่อท้อทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน

ต่อมาชาวบ้านพากันติเตียนกรณี ‘สมณะ’ ไม่ยอมหยุดพักสัญจรแม้ในฤดูฝน พลาดพลั้งเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวบ้านเสียหาย หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย

เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงได้วางระเบียบให้ภิกษุประจำอยู่ที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน พระสงฆ์ที่เข้าจำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าหากเดินทางออกไปแล้วและไม่สามารถกลับมาในเวลาที่กำหนด คือก่อนรุ่งสว่าง ก็จะถือว่าพระภิกษุรูปนั้น “ขาดพรรษา”

แต่หากมีกรณีจำเป็นบางอย่าง พระภิกษุผู้จำพรรษาก็สามารถไปค้างที่อื่นได้ โดยไม่ถือว่าขาดพรรษา แต่ต้องกลับมาภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน ก็คือ

กรณีจำเป็นดังกล่าว คือ

• การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
• การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้
• การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด
• หาก ‘ทายก-ทายิกา’ (ผู้ถวายจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณร) นิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขาได้

การจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ทำให้ภิกษุมีโอกาสศึกษาเล่าเรียนพระพุทธพจน์ ศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่กับพระเถระที่เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ได้อย่างเต็มที่

แม้การเข้าพรรษาเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้บำเพ็ญบุญกุศลอย่างเต็มที่ รักษาศีล เจริญภาวนา ชำระจิตใจให้ผ่องใส ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน รวมทั้งจัดเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน, เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ถวายแด่พระภิกษุ-สามเณรที่ตนเคารพนับถือ หรือช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิ-วิหารและอื่นๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ ตลอดการเข้าพรรษา

ขณะเดียวกัน ‘วันเข้าพรรษา’ ก็ก่อให้เกิด 2 ประเพณีสำคัญ คือ

ประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝน เพื่อให้พระสงฆ์ได้ผลัดเปลี่ยน ผู้ถวายจะได้รับอานิสงส์เหมือนการถวายผ้าชนิดอื่นๆ ตามนัยที่พระอรรถกถาจารย์

กล่าวไว้ คือทำให้เป็นผู้มีผิวพรรณผ่องใส สวยงาม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีความสะอาดผ่องใสทั้งกายและใจ

ประเพณีแห่เทียนพรรษา เกิดขึ้นจากความจำเป็นสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้า เมื่อพระภิกษุจำพรรษารวมกันมากๆ ต้องทำวัตรสวดมนต์เช้ามืดและพลบค่ำ ศึกษาพระปริยัติธรรม วัตรปฏิบัติเหล่านี้ล้วนต้องการแสงสว่าง โดยเฉพาะแสงสว่างจากเทียนที่พระสงฆ์จุดเพื่อบูชาพระรัตนตรัย ชาวบ้านจึงทำเทียนมาถวายพระเพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ตลอดการจำพรรษา แม้ปัจจุบันมีความสะดวกสบายจากกระแสไฟฟ้า แต่ประเพณีแห่เทียนพรรษายังคงมีอยู่ จุดมุ่งหมายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

ปีนี้วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศสามารถเดินทางไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน

สำหรับในกรุงเทพฯ นอกจากวัดแล้ว ยังมีอีกหลายสถานที่ที่ร่วมจัดกิจกรรมวันเข้าพรรษา พ.ศ.2563

 

วันเข้าพรรษาปีนี้ ไอคอนสยาม ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทยด้วยการจัดงาน ไอคอนสยาม ไหว้พระสุขใจ หล่อเทียนให้เรืองรอง อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 4 องค์จากสี่ภูมิภาคให้พุทธศาสนิกชนร่วมสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว โดย 3 องค์เป็นพระพุทธรูปองค์จริงที่ประดิษฐานอยู่ที่วัด และ 1 องค์เป็นองค์จำลองจากต้นแบบองค์จริง

พระพุทธรูปทั้ง 4 องค์ ได้แก่

พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางสมาธิ อัญเชิญมาจากพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา

หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 

พระพุทธรูปองค์นี้เป็น พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางสมาธิ องค์จริงที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร ได้รับการยกย่องว่าเป็นมงคลคู่แปดริ้ว ทั้งวัดและองค์พระเป็นที่เลื่อมใส ศรัทธายึดเหนี่ยว ไม่เฉพาะชาวแปดริ้วเท่านั้น แต่รวมถึงสาธุชนจากทั่วประเทศ

ราศีที่ควรบูชาหลวงพ่อโสธรคือราศี กรกฎ พิจิก ธนู และ มีน  เนื่องจากการบูชา พระพุทธรูปปางสมาธิ จะช่วยเสริมโชคลาภ เงินทอง และบารมีให้ผู้เกิดราศีดังกล่าว

ส่วนราศีอื่นๆ สามารถบูชาและขอพรจากหลวงพ่อโสธรได้ โดยเฉพาะการขอพรในเรื่องการค้าขาย การเป็นนายหน้า การทำธุรกิจรับเหมา ธุรกิจเช่าซื้อให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอุปสรรคที่ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจการงาน

องค์จำลอง พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช

พระพุทธสิหิงค์ (องค์จำลอง) จ.นครศรีธรรมราช

เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร  แต่มีลักษณะพระวรกายกลมป้อม พระอุระนูนมาก พระเศียรและพระพักตร์กลมป้อม เส้นพระศกใหญ่ไม่มีไรพระศก พระหนุและพระนาสิกยื่นเล็กน้อย ชายสังฆาฏิสั้นเป็นแบบเขี้ยวตะขาบ จัดเป็นพระพุทธรูปที่เรียกว่า “แบบขนมต้ม” สกุลช่างนครศรีธรรมราช ในสมัยอยุธยา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21

ราศีที่เหมาะสำหรับการบูชาพระพุทธสิหิงส์ คือราศี เมษ กันย์ สิงห์  และ มังกร เนื่องจากการบูชา พระพุทธรูปปางสมาธิ ช่วยเสริมโชคลาภ เงินทอง และบารมี ให้กับผู้เกิดราศีดังกล่าวเป็นพิเศษ

ส่วนราศีอื่นๆ การบูชาขอพรพระพุทธสิหิงค์ มักช่วยส่งเสริมเรื่องความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  โดยเฉพาะคนเป็นข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ และคนที่มีอุปสรรคในการทำงาน

พระพุทธรูปพระเชียงแสน จ.เชียงใหม่

พระเชียงแสน จ.เชียงใหม่

เป็น “พระเชียงแสนแบบสิงห์หนึ่ง”  มีลักษณะที่สำคัญคือเป็น พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลม แย้มประโอษฐ์ ขมวดพระเกศาใหญ่ เหนืออุษณีษะหรือพระรัศมีเป็นตุ่มกลมหรือลูกแก้วคล้ายดอกบัวตูม ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน

การสร้างพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชรนี้ คงสัมพันธ์กับคติการสร้างพระพุทธสิหิงค์ที่คงเกิดขึ้นในล้านนาตั้งแต่ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20  จึงเรียกพระในกลุ่มนี้ว่า “พระสิงห์” 

ราศีที่เหมาะจะบูชาพระเชียงแสน คือราศี พฤษก ตุล มังกร  และ กุมภ์

ราศีอื่นนิยมบูชาและขอพรจากพระเชียงแสนเรื่องสุขภาพ หรือต้องการหายป่วยจากโรคประจำตัว คนที่กำลังจะเข้าผ่าตัดเพื่อรักษาโรค หรือศัลยกรรม นอกจากนี้คนที่ทำธุรกิจร้านอาหาร หรือสุขภาพก็ขอพรให้ประสบความสำเร็จได้

หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย

หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย

พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองหนองคาย ปางมารวิชัย ชาวอีสานและชาวหนองคายมีศรัทธาเป็นอย่างมาก ทุกเทศกาลสงกรานต์ ชาวหนองคายอัญเชิญ ‘หลวงพ่อพระใส’ ขึ้นรถแห่ไปรอบเมืองให้ประชาชนสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่กษัตริย์สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนเป็นสำคัญ

จากความศรัทธาเลื่อมใสดังกล่าว ส่วนใหญ่ประชาชนมักบนบานขอให้แคล้วคลาด เดินทางปลอดภัย นอกจากนี้ยังขอเกี่ยวกับสุขภาพ หน้าที่การงาน เมื่อสัมฤทธิ์ผลแล้วก็จะมาแก้บน

ราศีที่ควรบูชาหลวงพ่อพระใส คือราศี พฤษก มิถุน สิงห์ และ ตุล

ราศีอื่นสามารถขอพรให้ครอบครัวมีความเจริญรุ่งเรือง มีที่อยู่อาศัยที่ดี หลวงพ่อพระใสยังมีชื่อเสียงในเรื่องการบนขอบุตร คู่สามีภรรยาที่แต่งงานใหม่ ที่ต้องการอภิชาติบุตรหรือผู้มีบุญให้มาเกิดเป็นบุตร

"ดอกผึ้งบูชา" สำหรับถวายพระ และเปิดเวิร์คชอปให้ทำฟรีภายในงาน

ภายในงานยังเปิดให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำ ดอกผึ้งบูชา สำหรับสักการะบูชาในว้นเข้าพรรษา โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

พิธีกรรม ดอกผึ้งบูชา เป็นพิธีสักการะบูชาสำหรับบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยการน้อมนำสิ่งของที่มีคุณค่าอันควรแก่การบูชาที่มีอยู่ตามธรรมชาติและเต็มไปด้วยความงดงาม ‘ต้นผึ้ง’ หรือ ‘พุ่มดอกผึ้ง’ เป็นสองในห้าของเครื่องสักการะล้านนา โดยการทำพุ่มดอกผึ้งถวายก็เพื่อให้พระสงฆ์นำไปทำเป็นเทียนพรรษา

เชื่อกันว่า ผู้ที่ได้เข้าร่วมพิธีนี้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีความเจริญ มีชื่อเสียง โดยเฉพาะพิธีที่นำพุ่มดอกผึ้งไปหล่อเป็นเทียนพรรษาเปรียบเสมือนการได้สั่งสมบุญบารมี เพื่อสร้างฐานะ และความเจริญให้กับหน้าที่การงานของคนนั้นๆ การไปร่วมพิธีนี้ในช่วงเข้าพรรษา ถึงถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองอย่างยิ่ง

ต้นแบบภาพจำลองต้นเทียนพรรษา 'เทียนส่องธรรมนำปัญญา'

ไอคอนสยามยังนำประติมากรรรมต้นเทียนพรรษาชื่อ เทียนส่องธรรมนำปัญญา ผลงานจากหัวหน้าช่างทำเทียนพรรษา ช่างสุคม เชาวฤทธิ์  วัดบูรพาราม จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าของรางวัลช่างจัดทำต้นเทียนดีเด่นชนะเลิศ 5 ปีซ้อน (พ.ศ.2535 – 2539) และศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.2544 มาจัดแสดงให้ชม

ภาพแกะสลักต้นเทียนพรรษา เทียนส่องธรรมนำปัญญา เล่าถึงภาพพุทธประวัติตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ เหล่าเทพธิดา เทพบุตรและพระสงฆ์สาวก มีพญาครุฑจับธงเป็นผู้ชักลากนำขบวนเทียน  ฐานรองรับลำต้นเทียนแบกโดยพระโค และพระพุทธเจ้าประทับบนหลังพระโค ซึ่งประดิษฐานหน้าลำต้นเทียน ขณะที่ต้นเทียนด้านซ้ายประดับด้วยย่านาคีศรีปทุมมา ส่วนด้านขวาคือปู่ศรีสุทโธพญานาค ซึ่งเคยไปขอบวชกับพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้บวช เพราะข้อจำกัด ปู่ศรีสุทโธเลยทูลขอว่า ก่อนที่จะบวชขอให้มีการ ‘บวชนาค’ ก่อน ซึ่งเป็นที่มาของการอุปสมบท   

กลุ่มช่างทำเทียนพรรษาวัดบูรพาราม กำลังแกะสลักต้นเทียน 'เทียนส่องธรรมนำปัญญา' ก่อนนำมาประกอบที่ไอคอนสยาม

เทียนรูปย่านาคีศรีปทุมมา อีกด้านคือเทียนรูปปู่ศรีสุทโธพญานาค

การตกแต่งฐานรับต้นเทียนพรรษาตามแนวคิด  "แมนดาลา" โดย สวนนงนุชพัทยา

ขณะเดียวกัน สวนนงนุชพัทยา ร่วมเสริมความยิ่งใหญ่และสร้างความประทับใจให้แก่ต้นเทียนพรรษา ด้วยการตกแต่งฐานรับต้นเทียนพรรษาตามแนวคิด  แมนดาลา หรือศูนย์กลางของจักรวาลในทางพระพุทธศาสนาหมายถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้า ที่นำไปสู่รูปแบบของสถาปัตยกรรมการสร้างวิหารที่มีประตูเข้าออก 4 ทิศ สอดคล้องกับหลัก พรหมวิหารสี่ (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสอดรับการวางต้นเทียนเป็นจุดศูนย์กลางวงกลมที่แผ่ออกไปสู่พระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ เพื่อต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คชอปทางธรรมสุดสร้างสรรค์ พฤกษาบูชา ภูมิปัญญาแห่งศรัทธา  อาทิ การทำบุหงาพัดโบก  ดอกไม้แห้งอบปรุงประดิษฐ์เป็นรูปพัดโบก งานฝีมือที่จำลองรูปแบบเครื่องสูงในราชสำนัก บรรจุด้วยบุหงาอบกลิ่นดอกไม้ไทยหอมละมุนละไม รูปแบบประณีตงดงาม ใช้ประดับตกแต่ง 

เวิร์คชอป การทำเทียนหอมดอกบัว สำหรับผู้นิยมจุดเทียนไหว้พระตามสีวันเกิดของตัวเอง เป็นเครื่องสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต จึงมีเทียนสี กลิ่น และมีรูปแบบต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะรูปดอกบัวที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา หากผู้ใดได้จุดบูชา แสงเทียนก็จะส่องสว่าง นำปัญญา ช่วยหนุนนำวาสนาบารมีให้ดียิ่งๆ ขึ้น

เวิร์คชอปการทำ 'บุหงาพัดโบก' และการทำ 'จำปาดอง'

เวิร์คชอป การพับดอกบัวถวายพระ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพุทธมาช้านาน  เป็นการบูชาที่ชาวพุทธนิยมเพื่อความสวยงาม  น้อมรับคำสอนของพระพุทธเจ้า เสมือนดอกบัวที่แย้มบาน  และเวิร์คชอป จำปาดอง  ภูมิปัญญาไทย กรรมวิธีอันแยบยลของบรรพบุรุษ เพื่อเก็บความสวยของดอกจำปาไว้ดูได้นานเป็นสิบปี  และใช้บูชาพระ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

งาน ไอคอนสยาม ไหว้พระสุขใจ หล่อเทียนให้เรืองรอง  กำหนดจัดระหว่างวันที่  3 – 6  กรกฎาคม 2563  ณ เจริญนคร ฮอลล์  ชั้น M, ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร ภายในงานยังคงเน้นมาตรการเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด

ทำบุญเสริมสิริมงคลได้อย่างมั่นใจ ...สาธุ

-------------------------------

ภาพ : ณัฐภรณ์ พึ่งศิลป์