‘เสี่ยยักษ์’ โผล่ถือ ‘STGT’ นั่งหุ้นใหญ่ ‘อันดับ 7’

‘เสี่ยยักษ์’ โผล่ถือ ‘STGT’ นั่งหุ้นใหญ่ ‘อันดับ 7’

“ศรีตรังโกลฟส์” เทรดวันแรกปิดพุ่ง 77.9% วอลุ่มทะลัก 1.7 หมื่นล้าน พบ “เสี่ยยักษ์” โผล่ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 กว่า 1.55% ฟันกำไร 588 ล้านบาท คาดได้จากหุ้นไอพีโอ ด้านผู้บริหาร ลุ้นยอดขายปีนี้แตะ 2.8 หมื่นล้านชิ้น ดันรายได้โตเกิน 40% ขณะ “เอสไอซี” จ่อเทรด

หุ้น บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ในวานนี้(2ก.ค.) เป็นวันแรก โดยนับเป็นหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ 

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น พบว่า ปรับขึ้นร้อนแรงโดยปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 77.94% มาปิดที่ 60.50 บาท จากราคาไอพีโอที่ระดับ 34 บาท มูลค่าการซื้อขายคึกคักกว่า 17,255 ล้านบาท ขณะที่ระหว่างวันพบรายการบิ๊กล็อตหุ้น STGT จำนวน 2.60 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 39.12 บาท รวมมูลค่า 101.70 ล้านบาท และSTGT-F จำนวน 16.50 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 34 บาท รวมมูลค่า 561 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังพบว่า นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ “เสี่ยยักษ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 โดยถือหุ้นรวม 22.20 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 1.55% ซึ่งหุ้นดังกล่าวคาดว่าจะได้มาจากช่วงที่ STGT เสนอขายไอพีโอ   ณ ราคาปิดวานนี้ เสี่ยยักษ์ได้กำไรจากการลงทุน 588.30 ล้านบาท 

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวว่า ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวถือว่าเกินความคาดหมายมาก ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากทิศทางผลดำเนินงานของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูงหลังจากนี้ โดยบริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 40% ตามความต้องการใช้ถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น ภายหลังเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2-4 ปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากบริษัทยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นทุกเดือนเฉลี่ย 10-15% ในทุกไตรมาสจากตามความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นและส่งผลทำให้อัตรากำไร (มาร์จิน) ของปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดปริมาณผลิตและยอดขายถุงมือยางปีนี้อยู่ที่ 28,000 ล้านชิ้น หรือเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขาย 20,000 ล้านชิ้น​

หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงานทั้ง 3 แห่ง ซึ่งจะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 และกระโดดแตะ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2575 เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตรองรับการขยายตลาดทั่วโลก

“วิกฤติโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และทำให้ความต้องการทางถุงมือยางกระจายไปหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าหลังจากหมดปัญหาโควิด-19ถุงมือยางจะยังคงมีการเติบโตไม่น้อยกว่าในอดีตที่ผ่านมาที่เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 12% ดังนั้นในแง่ผลประกอบการบริษัทคาดว่าจะยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ตามการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย

นางสาวปาวีณา เดชอิทธิกุล รองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)​ หรือ SIC กล่าวว่า จะเปิดจองซื้อหุ้น SIC จำนวน 100 ล้านหุ้นในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ และคาดจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)​ได้ภายในสิ้นเดือนก.ค.2563

นายมานพ ธรรมสิริอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SIC กล่าวว่าบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายธุรกิจไมโครชิพอย่างต่อเนื่อง และร่วมลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจด้านการออกแบบและพัฒนาวงจรหรือนวัตกรรมที่ส่งเสริมการประกอบธุรกิจของบริษัท