ผันผวนรอปัจจัยใหม่

ผันผวนรอปัจจัยใหม่

ในการประชุมเฟดมีความเสี่ยงที่มาตรการการคลังในการให้ความช่วยเหลือภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่น อาจจะไม่เพียงพอซึ่งเป็นตัวฉุดต่อทิศทางดัชนี

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index เพิ่มขึ้น 10.41 จุด (+0.78%) ปิดที่ระดับ 1,349 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้านบาท จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม ธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรฯ ตอบรับราคาน้ำมันดิบในตลาดฟิวเจอร์ (WTI) เพิ่มขึ้นทะลุระดับ 40$/bbl  จากความคาดหวังดีมานด์ฟื้นตัวหลังจีนแล ยูโรโซนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตออกมาเพิ่มขึ้น และฝั่งอุปทานที่ลดลงหลังสถาบันปิโตรเลียมของสหรัฐ (API) รายงานสต๊อกน้ำมันดิบลดลง 8.16 ล้านบาร์เรล ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,306  ล้านบาท  และ Net Short TFEX SET50  1,958 สัญญา  แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,276 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,340 – 1,360 จุด เนื่องจากมีปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้า โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากบ.ไฟเซอร์ อิงค์ ร่วมกับ BioNTech ทดลองใช้วัคซีนต้านไวรัส Covid-19 ในมนุษย์ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นตอบรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลง 7.2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของไวรัส Covid-19 ยังคงเป็นแรงกดดันโดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่องล่าสุดเพิ่มขึ้น 5 หมื่นราย นอกจากนี้รายงานการประชุมเฟดที่ระบุว่ามีความเสี่ยงที่มาตรการการคลังในการให้ความช่วยเหลือภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลท้องถิ่น อาจจะไม่เพียงพอซึ่งเป็นตัวฉุดต่อทิศทางดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA )
  • MINT, CENTEL, ERW, AOT, AAV อานิสงส์ครม.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

หุ้นแนะนำวันนี้

  • PTTGC (47.5050) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว 2Q20 คาดพลิกทำกำไรจาก Stock gain, คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
  • BAM (25.25IAA Consensus 29.5) แนวโน้มเศรษฐกิจไม่ดี NPLs มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์ จากการเข้าซื้อ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (185 ซื้อ/เป้า 230)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) กิจกรรมการผลิตของโลกมีสัญญาณฟื้นตัว หลังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตกลับมาฟื้นตัว : โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.6 จาก 43.1 ในเดือน พ.ค. สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 49.5 และสูงสุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน ขณะที่จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย. (จัดทำโดย Caixin) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.2 จาก 50.7 ในเดือน พ.ค. สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 50.5 ส่วนยูโรโซน ดัชนี PMI เพิ่มขึ้นเป็น 47.4 จาก 39.4 ในเดือน พ.ค.และมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 46.9 ดัชนี PMI ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีนและสหรัฐที่มากกว่าระดับ 50 สะท้อนกิจกรรมการผลิตของจีนและสหรัฐกลับมาขยายตัวช่วยสร้างความหวังทางบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ ตอบรับรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 39.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของ EIA ซึ่งลดลงมากถึง 7.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.7 ล้านบาร์เรล และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบที่ยังประคองตัวใกล้ระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจะยังเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน โรงกลั่น และ ปิโตรฯ ด้านผลประกอบการ 2Q20 คาดกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรฯจะพลิกมีกำไรอีกครั้งโดยมีปัจจัยหนุนมาจากการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เราเลือก TOP PTTGC และ IVL เป็น Top pick ของกลุ่ม
  • (+) STGT ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 1 ของไทย และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 45.50 บาท : STGT ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของไวรัส Covid-19 โดยตรง ผลกำไรของ STGT มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้จาก ราคาขายที่เพิ่มขึ้น ปริมาณขายเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเราคาดกำไรสุทธิปีนี้ประมาณ 3,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 400%yoy เมื่อเทียบจากกำไรปี 2019 ที่ 609 ล้านบาท และเราให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 45.5 บาท อิง Prospective PE ที่ 21 เท่า ถือว่ายังมี upside หากเทียบกับ PE ซื้อขายของบริษัทในธุรกิจเดียวกันในต่างประเทศ อาทิ Top Glove 38 เท่า, Hartalega 56 เท่า, Super max 46 เท่า และ Kossan 26 เท่า