‘ซีมายโฮม’กับเส้นทาง สู่ยูนิคอร์นอสังหาฯ

‘ซีมายโฮม’กับเส้นทาง  สู่ยูนิคอร์นอสังหาฯ

‘ZmyHome’ แพลตฟอร์มการซื้อขายเช่าที่อยู่อาศัยสัญชาติไทยที่ให้เจ้าของ ลงประกาศขายเอง แทนนายหน้า เพื่อเป็นเรียลไทม์ดาต้าเบสในตลาดเรียลเอสเตทไทยตามรอยโมเดล Zillow ยูนิคอร์นอสังหาฯในสหรัฐอเมริกา

ณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล ผู้ก่อตั้ง ซีมายโฮม กล่าวว่า หลังจากเรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ได้ทำงานวิจัยในซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติ 7 ปี จนได้เป็น ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัยตลาดและที่ปรึกษาพัฒนาโครงการ ทำงานวิจัยเพื่อช่วยนักพัฒนาอสังหาฯในการทำโครงการ อาทิ โครการ The Met (เดอะ เมท) สุโขทัย เรสซิเด้นซ์ มหานคร

จากนั้นเกิด‘วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์’ หรือ ‘วิกฤติซับไพรม์’ เลยตัดสินใจ “เออร์รี่ รีไทร์” ออกมาทำธุรกิจด้วยการเปิดบริษัทรับทำงานวิจัยและบริษัทนายหน้าไปพร้อมๆกัน ระหว่างนั้นเองมองเห็นเทรนด์ของแพลตฟอร์มออนไลน์ ว่า จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต เพราะเขาเป็นคนที่ลงทุนอสังหาฯ มาตั้งแต่ทำงานอยู่ที่ซีบีอาร์อี จึงมั่นใจว่า ต่อไปคนจะต้องใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการซื้อขายอสังหาฯมากขึ้น

จึงการทำธุรกิจเพื่อสะสมเงินทุนรองรับแผนการทำธุรกิจออนไลน์ในอนาคต ช่วงนั้นลองทำเว็บไซต์เพื่อเรียนรู้ พร้อมกันนั้นทำงานนายหน้าเพื่อเรียนรู้การซื้อขายเพิ่มขึ้น รอจังหวะเวลาที่ทำแพลตฟอร์มอสังหาฯ ซึ่งใช้เวลา 7 ปีในการเตรียมตัวนานมาก

“ผมมองว่า ที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพราะผมเป็นนักวิเคราะห์ และขี้กลัวจนเกินไปเลยไม่กล้าลงมือทำ”

จนกระทั้งรู้จักดิสรัส ยูนิเวอร์ซิตี้ ของ คุณกระทิง “เรืองโรจน์ พูนผล” ในตอนนั้น พอเรียนจบก็รู้ว่ามีโครงการดีแทค แอคเซลเลอเรทก็เลยสมัคร ที่ถูกคัดเลือก จึงก้าวเข้าสู่วงการสตาร์ทอัพ จากนั้นลดลงการทำงานเดิมลง หยุดรับงานที่ปรึกษา งานเอเจนท์ มาโฟกัส แพลตฟอร์ม ‘ZmyHome’ เต็มตัวตั้งแต่ปี 2558

ความแตกต่างของซีมายโฮม คือเป็นเว็บไซต์ขาย เช่าที่อยู่อาศัยที่ให้เจ้าของเป็นคนประกาศขายด้วยตัวเอง เพราะต้องการเป็นเว็บที่สร้างความน่าเชื่อถือด้วยข้อมูลที่อัพเดต ถูกต้อง ครบถ้วน ที่เป็น “Clean property platform” แตกต่างจากเว็บอสังหาฯในตลาดที่นายหน้าจะเป็นผู้ประกาศขาย ผ่านนายหน้าเป็นสิบๆ ราย ทำให้มีบ้าน หรือคอนโดหลังเดิมๆ ลงประกาศขายซ้ำ ๆอยู่บนเว็บไซต์เป็นจุดตั้งต้น แทนที่ทำแบบเดิม

“เราทำให้เจ้าของขายที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเว็บที่ผู้ซื้อสามารถเข้ามาเช็คหาบ้านที่ถูกใจทั้งเรื่องของทำเลและราคา คือได้ค้นเจอดีลที่ดีที่สุดก่อนตัดสินใจ และการได้ซื้อตรงจากเจ้าของก็ไม่ต้องเสียเงินค่าคอมมิชชั่นให้นายหน้า”

ณัฐพล ตัดสินใจเทหน้าตักจากเงินสะสมส่วนตัวมาลงทุนหลักล้านบาทรวมทั้งเงินสมทบที่ได้จากโครงการดีแทค แอคเซลเลอเรท ใช้เวลา1-2ปีกว่าเริ่มมีรายได้กลับเข้ามา 4 ที่ผ่านมา ซึ่งแพลตฟอร์มมีการเติบโตทั้งในด้านผู้ใช้งานและรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มมีผู้เข้าใช้มากกว่า 1 ล้านครั้งต่อเดือน และมีรายได้เติบโตถึง 5 เท่าเทียบจากก่อนได้รับเงินลงทุน แต่ยังไม่คืนทุน เพราะต้องมีการลงทุนขยายธุรกิจต่อไปเรื่อยๆ

“ที่ผ่านตัวช่วยสำคัญมาจากการระดมทุน ล่าสุดรอบนี้สามารถระดมทุนได้20ล้านบาท จากนักลงทุนเกาหลี สิงคโปร์ และกองทุนในไทยด้วย เพื่อขยายตลาดในกรุงเทพ พัฒนาเครื่องมือให้แม่นยำขึ้น”

จากที่ก่อนหน้าการซื้อขายบ้านหลังหนึ่งต้องกินเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน-1 ปี แต่ที่ผ่านมาซีมายโฮมสามารถปิดการขายได้เร็วที่สุดในเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น และมีค่าเฉลี่ยระยะเวลาที่ใช้ในการขายได้ประมาณ 1-3เดือน แต่ที่สำคัญซีมายโฮม ‘ไม่ใช่’แพลตฟอร์มที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโด ทั้งเพื่อเช่าหรือซื้อ ผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเอง หรือแม้แต่ผู้ประกอบการสามารถได้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นเดียวกัน

ณัฐพล ระบุว่า ปัจจุบันซีมายโฮมมีสัดส่วนรายได้จากรายย่อย 70% และนักพัฒนาอสังหาฯ 20% นายหน้า10% ซึ่งกำลังก้าวต่อไปอีกสเต็ปจากเงินลงทุนที่ได้รับจากการระดมทุนในรอบนี้เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง Bon Angel Venture Partner , KK Fund ซึ่งเป็น นักลงทุนของซีมายโฮม ในรอบที่แล้ว และ Angel Investor ของไทยด้วยเม็ดเงิน 20 ล้านบาท

ด้วยการเปิดให้นายหน้าที่เป็นตัวแทนอย่างถูกต้อง สามารถลงประกาศขาย เช่า บน ซีมายโฮม เพื่อเป็นตัวต่อให้ ‘จิ๊กซอว์’ให้ซีมายโฮมสมบูรณ์ จากการกระจายไปสู่นายหน้า ที่สามารถนำไปใช้งานทั่วไปประเทศ เหมือนกับแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา อย่างZillow สตาร์ทอัพด้านอสังหาฯที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งโมเดลธุรกิจเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน (marketplace)ของอสังหาริมทรัพย์ โดยหารายได้จากโฆษณา เจ้าของหรือนายหน้า (ที่มีใบอนุญาต) ซึ่งเป็นโมเดลที่ยั่งยืน

ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาธุรกิจตัวแทน ในนาม “อยู่เย็น” ซึ่งมีที่มาจาก “อยู่เย็นเป็นสุข” เพื่อให้ผู้ซื้อผู้เช่ามั่นใจได้ว่า จะได้ที่อยู่อาศัยคุ้มค่าที่สุด โดยจะนำร่องทำเลแยกพระราม 9 ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับนายหน้าในการใช้แพลตฟอร์ม ซีมายโฮม เพื่อให้เข้าถึงทรัพย์ทุกรายการในพื้นที่ และผู้ที่กำลังซื้อเช่าทุกคน โดย “อยู่เย็น” จะช่วยเป็นศูนย์กลางในการทำการตลาดแทนเจ้าของและตัวแทนทั้งหมด แทนที่แต่ละคนจะต้องลงทุนการตลาดเพื่อแข่งขันกันเอง

ณัฐพล กล่าวว่า โมเดลการทำธุรกิจของซีมายโฮม การเข้าไปแก้ปัญหาของวงการอสังหาฯไทย โดยมีเว็บซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางจากนั้นเพิ่มบริการอื่นๆเข้ามาในอนาคต โดยเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยที่แอคทีฟ 1 ล้านยูนิตจากปัจจุบันมีอยู่3หมื่นยูนิต และมีคนเข้ามาดูในเว็บไซต์1.5ล้านคนจากเดิม1ล้านคนต่อเดือน

" กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ผมมีแรงบันดาลใจที่แรงกล้าในการไม่ย่อท้อกับอุปสรรคที่เข้ามาเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของอิทธิบาท 4 ซึ่งประกอยด้วย ฉันทะ วิริยะจิตตะ และวิมังสา ที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก "