ปิดฉาก 'SSFX' กวาดยอดขาย 8.6 พันล้าน

ปิดฉาก 'SSFX' กวาดยอดขาย 8.6 พันล้าน

กองทุน “SSFX” กวาดยอดขาย 8.61 พันล้าน บลจ.ไทยพาณิชย์ ครองแชมป์มาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ที่ 27% มูลค่า 2.35 พันล้าน พร้อมเตรียมเปิดขายกองทุน “เอสเอสเอฟ” 16 กองทุน 1 ก.ค.นี้ หวังเพิ่มทางเลือกลงทุนที่หลากหลาย

แหล่งข่าวจากธุรกิจกองทุนรวม เปิดเผยว่า กองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ หรือ SSFX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่ม 200,000 บาท เปิดขายตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. -30 มิ.ย.2563  ซึ่งจากข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563 พบว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จำนวน 14 แห่ง ออกเสนอขาย กองทุน SSFX รวมจำนวน 19 กองทุน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวม (AUM) อยู่ที่ 8,615 ล้านบาท โดย 5 บลจ. ที่มี AUM สูงสุด ได้แก่ อันดับ 1  บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) มี 3 กองทุน มูลค่ารวม 2,325 ล้านบาท  มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 27%, อันดับ 2  บลจ.บัวหลวง มี 2 กองทุน มูลค่ารวม 1,975 ล้านบาท  มาร์เก็ตแชร์ 22.9%, อันดับ 3  บลจ.กสิกรไทย มี 1 กองทุน มูลค่า 1,690 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 19.6%, อันดับ 4 บลจ.กรุงศรี มี 1 กองทุน มูลค่า 887 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 10.3% และอันดับ 5 บลจ. ยูโอบี (UOBAM) มี 1 กองทุน มูลค่า 497 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ 5.8%

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน และความไว้วางใจในฝีมือการบริหารสินทรัพย์อย่างมืออาชีพของบริษัท โดยบริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุน SSFX พร้อมกัน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยแอคทีฟ เพื่อการออม (SCBEQ-SSFX), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนี SET เพื่อการออม (SCBSET-SSFX) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ผสม 70/30 เพื่อการออม (SCB70-SSFX) เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามนโยบายภาครัฐ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) พร้อมกันอีก 16 กองทุน ตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักลงทุนที่ต้องการรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเสนอขายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563 นี้เป็นต้นไป ซึ่งแบ่งตามประเภทสินทรัพย์ที่ลงทุน ได้แก่ กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก ทั้งยังมีโครงการที่จะเปิดตัวกองทุน SSF ที่น่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมอีกภายในสิ้นปีนี้

“ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะยังคงมีความผันผวนสูงเนื่องจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่นักลงทุนก็ยังคงให้การตอบรับกองทุน SSFX อย่างคับคั่ง สะท้อนให้เห็นมีจำนวนผู้ให้ความสนใจต่อการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นอยู่มาก”

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย  กล่าวว่า บริษัททำการเปิดเสนอขายกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม 7 กองทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2563 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้ครอบคลุมนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความเหมาะสมของผู้ลงทุน โดยกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม หรือ SSF จำนวน 7 กองทุน ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม (SSF) ถือเป็นการสร้างวินัยการลงทุนและช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี