กลยุทธ์การลงทุน (1 ก.ค.63)

กลยุทธ์การลงทุน (1 ก.ค.63)

พอร์ตหุ้นแนะนำ ก.ค. - ยังคงวางกลยุทธ์รับมือตลาดหุ้นปรับฐาน

พอร์ตหุ้นแนะนำเดือนมิถุนายนปรับลดลง 2.6% ซึ่งถือว่าอ่อนแอกว่าตลาดโดยรวม

ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนผันผวนอย่างหนัก โดยในช่วงต้นเดือนนักลงทุนยังมองบวกอยู่ จากนั้นก็เริ่มเผชิญแรงขายหลังจากที่ราคาหุ้นในตลาดเริ่มตึง และเกิดกระแสความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับการระบาดของ Covid-19 ระลอกสอง ทั้งนี้ หุ้นในพอร์ตของเราขยับลง 2.6% ในขณะที่ดัชนี SET ขยับขึ้น 0.5% โดยหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธนาคารอย่างเช่น BBL* ทรงตัว ในขณะที่ BDMS* ปิดไม่เปลี่ยนแปลงส่วนหุ้นเด่นตัวอื่น ๆ ของเราถือว่าให้ผลตอบแทนน่าผิดหวัง โดยหุ้นเด่นของเราทุกตัวในกลุ่มขนส่งล้วนแต่ด้อยกว่าตลาด ในขณะที่หุ้นแนะนำในกลุ่มสาธารณูปโภคอย่าง EGCO* กลับลดลงผิดคาดถึง 9.4% ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับผู้ประกอบการ SPP เป็นหลักโดยไม่ให้ความสนใจกับโรงไฟฟ้ า IPP ในขณะเดียวกัน พอร์ตหุ้นของเราปรับเพิ่มขึ้นถึง 21.3% ในไตรมาส 2/2563 และเด่นกว่าดัชนี SET ที่ปรับเพิ่มขึ้น 18.2%

มุมมองตลาดเดือนกรกฎาคม: คาดว่าจะยังปรับฐานลง แต่ความเสี่ยงทางลงมีจำกัด

เรามองลบกับแนวโน้มดัชนี SET เดือนกรกฎาคม และคาดว่าตลาดจะย่อตัวลงต่ำกว่าแนวรับทางจิตวิทยที่ 1,300 จุดเนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้ ข้อแรก การติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐอาจจะเร่งตัวขึ้นอีก อย่างน้อยก็ในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะกดดันภาวะการลงทุนเนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจใหม่ และ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H63 จะได้รับผลกระทบ ข้อสอง เรามองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารไทยจะหนักเกินคาดเมื่อมีการประกาศผลประกอบการงวด 2Q63 ซึ่งจะทำให้เกิดแรงขายรอบใหม่ออกมา ข้อสาม กระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่หันมาสนใจหุ้นไทย เนื่องจากผลประกอบการที่หดตัวในปี 2563 ทำให้ราคาหุ้นไทยดูแพงเมื่อเทียบกับหุ้นในตลาดอื่น ๆ ในเอเซียอย่างไรก็ตาม เราคิดว่า SET Index มีความเสี่ยงทางลงที่จำกัด เพราะเราเชื่อว่าสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบอีก ในขณะที่การอัดฉีดสภาพคล่องในตลาดโลกจะยังคงดำเนินต่อไป

หุ้นเด่นเดือนกรกฎาคม: เน้นธีมหุ้นเกี่ยวกับการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ และกำไรฟื้นตัวดีใน 2H63

เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นอาจจะย่อตัวในเดือนกรกฎาคม เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกับดัชนีฯ มาก และเน้นธีมหุ้นดังต่อไปนี้ ธีมแรกคือการกลับมาเปิดให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ เรามองว่าหุ้นที่จะได้อานิสงส์โดยตรงจากธีมนี้ ได้แก่ BEM* และ CPALL* ธีมที่สองคือการกลับมาเปิดประเทศรับผู้ป่วย นักธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นโรงพยาบาล และนิคมอุตสาหกรรม อย่างเช่น BDMS* EKH และ AMATA* ธีมสุดท้ายคือหุ้นกลุ่มอาหารที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังของปีนี้ เช่น CPF* และ OSP*