ทำประกันอะไรดี ที่ช่วย 'ลดหย่อนภาษี' และ 'ออมเงิน' ไปพร้อมๆ กัน
ทำ "ประกันภัย" แบบไหนดี ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ "หักลดหย่อนภาษี" และเป็นการสะสมเงินออมในเวลาเดียวกัน
การทำประกันภัย” คือการสร้างความมั่นคงในชีวิต และแต่ละประกันก็มีจุดประสงค์ในการซื้อที่แตกต่างกันไป เช่น ประกันชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองการเสียชีวิต เป็นหลักประกันให้กับสมาชิกครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ประกันสะสมทรัพย์มีจุดเด่นเพื่อให้ผู้เอาประกันมีเงินก้อนสะสมไว้ใช้เมื่อครบเวลากรมธรรม์ ขณะที่ “ประกันสุขภาพ” มีจุดประสงค์หลักในการตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาล เช่นนี้แล้วประกันแต่ละแบบก็มีข้อดีแต่ละด้าน และเป็นเรื่องที่ผู้ซื้อประกัน ต้อง เลือกประกันที่เหมาะกับความต้องการของตัวคุณเอง
โดยทั่วไปแล้ว ข้อดีสำหรับการซื้อประกันที่ผู้คนมองหามากที่สุดคือ การ “ลดหย่อนภาษี” และประเภทของการทำประกันแบบลดหย่อนภาษีก็มีหลายรูปแบบ โดยหลัก ๆ คือ
- ประกันชีวิต (แบบทั่วไป) ซึ่งสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท*
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของเงินได้ เป็นจำนวนสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท*
- ประกันสุขภาพ ซึ่งล่าสุด กฎกระทรวงฉบับที่ 365 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ได้เพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีจาก 15,000 บาท เพิ่มเป็น 25,000 บาท* โดยมีผลสำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป * หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรกำหนด
- ซื้อประกัน ทำไมได้สิทธิหักลดหย่อนภาษี
สงสัยกันไหมว่า ทำไมการทำประกันถึงถูกนำมาเป็นตัวช่วยหนึ่งในการลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ต้องจ่ายกันทุกปี
เหตุผลที่การทำประกันถูกนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ นั่นก็เป็นเพราะรัฐบาลต้องการให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการออมเงิน วางแผนชีวิต เและตรียมแผนการเงินล่วงหน้าไว้ใช้ในยามเกษียณ
อย่าลืมว่า ถ้าประชาชนเห็นความสำคัญในเรื่องการออมเงิน การรักษาสุขภาพ นั่นจะเป็นการช่วยประเทศได้ทางหนึ่ง เพราะเมื่อประชาชนมีสุขภาพดี แรงงานของประเทศมีความแข็งแรง ระบบเศรษฐกินของประเทศก็จะดีตามไปด้วย อีกทางหนึ่งเมื่อผู้ซื้อประกันชีวิตเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เงินประกันก็ยังตกทอดไปถึงคนรุ่นหลัง ทำให้ครอบครัวมีเงินทุนและช่วยลดความเสี่ยงในชีวิตได้ ซึ่งทั้งหมดก็เชื่อมโยงกับการลดภาระให้กับภาครัฐได้ การออกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อประกันจึงเป็นสิ่งที่รัฐสนับสนุนมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ไม่ต่างอะไรกับนโยบายสนับสนุนระยะสั้น เช่น สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลวันหยุดยาว สนับสนุนการชอปปิ้งในประเทศ ที่เคยให้สิทธิลดหย่อนภาษีมาแล้วก่อนหน้านี้
- ประกันเดียว ได้หลายประโยชน์
อย่างไรก็ดีประกันชีวิตและประกันสุขภาพส่วนใหญ่ มักต้องอาศัยการจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น จ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปี หรือรายเดือน แต่ก็มีบางผลิตภัณฑ์ที่จ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นการลดความยุ่งยากให้กับผู้ซื้อได้ไม่น้อย ทั้งบางผลิตภัณฑ์ยังมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อีกด้วย ทำให้มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยมากมายที่ได้ทั้งการออมเงิน สิทธิลดหย่อนภาษี และถือเป็นการลงทุนไปพร้อม ๆ กัน
เช่น ผลิตภัณฑ์เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global) ซึ่งเป็นแบบประกันประเภท Index Linked แบบจ่ายครั้งเดียว ทุนประกันภัยขั้นต่ำ 50,000 บาท ระยะเวลาเอาประกันภัย10 ปี
- จุดเด่นของประกันชีวิตเมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global)
- ตอบโจทย์ความต้องการได้ในกรมธรรม์เดียว ทั้งในส่วนของความคุ้มครองชีวิต การันตีเบี้ยที่จ่ายไม่สูญหาย และโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงินปันผล
- จ่ายเบี้ยประกันเพียง 1 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองนานถึง 10 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุด ที่เราจะสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้และยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามกฎหมาย
- เหมาะสำหรับผู้เอาประกันที่มีอาชีพอิสระหรือรายได้ไม่แน่นอน เช่น ขายของออนไลน์ แต่มีเงินก้อน และต้องการที่จะได้รับความคุ้มครอง หรือ ใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีในปีนั้น ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 50,000 บาท
- เบี้ยที่จ่ายไม่สูญหาย ทั้งยังมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอ้างอิงการลงทุนจากดัชนี Citi Global Multi Asset Index ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญของ Citi ที่มีกลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ตอบโจทย์และเป็นทางเลือกในยุคอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จึงเหมาะกับผู้เริ่มต้นลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูง และผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดมากนัก
- นโยบายการลงทุนของ Citi Global Multi Asset USD VT5 Series 3 Index มีการลดความเสี่ยงในเรื่องของ อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจริง (actual return) ที่อาจคลาดเคลื่อนหรือเบี่ยงเบน ไปจากอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนคาดหวังว่าจะได้รับ โดยการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และหลายประเทศ เพื่อช่วยลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสได้รับตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น (ผลตอบแทนในอดีตเฉลี่ยต่อปี 5.2%)
- เลือกประกันให้เหมาะกับเป้าหมาย
ถึงตรงนี้ ก็ต้องกลับสู่หลักการที่ว่า เราควรเลือกประกันให้เหมาะกับเป้าหมาย เช่น ประกันออมทรัพย์เหมาะกับคนที่ต้องการออมเงิน แต่ถ้าเราต้องการเน้นความคุ้มครองชีวิตมากกว่า ก็ควรเลือกกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงๆ หรือถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูงๆ ก็ควรลงทุนในสินทรัพย์อย่างอื่น โดยพิจารณาได้จากผลตอบแทนในส่วนที่เป็นอัตราเงินคืนในแบบเป็นอัตราร้อยละ หรือที่เรียกว่าค่า IRR (Internal Rate of Return) หรือถ้าจะลองนำจำนวนเงินที่ได้รับทั้งหมดมาหักลบกับเบี้ยประกันที่ส่งไปดูก็ได้
อย่างไรก็ดี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งหมายถึงประกันภัยควรเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงิน มั่นคง โดยดูจากประวัติ เจ้าของ ผู้ถือหุ้น และควรเลือกตัวแทนประกันชีวิตที่มีบริการหลังการขายดีด้วย จะทำให้รู้สึกอุ่นใจ ช่วยแก้ปัญหา หรือตอบข้อสงสัยในภายหลังได้
สนใจรายละเอียดประกันภัยที่ได้ผลประโยชน์หลายด้าน คลิก
หมายเหตุ
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตกำหนด
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง