บีเอ็มดับเบิลยู 'เอ็กซ์ 5' ทางเรียบก็แรง ออฟโรดก็เร้าใจ

บีเอ็มดับเบิลยู  'เอ็กซ์ 5'  ทางเรียบก็แรง ออฟโรดก็เร้าใจ

รถในกลุ่ม "เอสยูวี" ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และมีรถให้เลือกหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ตั้งแต่ราคาหลักแสนบาทไปจนถึงหลายสิบล้าน ซึ่งความนิยมก็มาจากทั้งความชอบในรูปทรง อรรถประโยชน์หรือความสะดวกสบายในการใช้สอย 

แต่สิ่งหนึ่งในประโยชน์ที่เอสยูวีทำได้ แต่ลูกค้าไม่ค่อยได้ใช้กัน ก็คือ ความสามารถในการใช้งานแบบออฟโรด หรือ การขับขี่สมบุกสมบัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ เพราะส่วนใหญ่ก็ห่วงว่ารถจะได้รับความเสียหาย ไม่ต้องพูดถึงโครงสร้างหรือความเสียหายทางเทคนิค เอาแค่เรื่องของสีก็คิดกันหนักแล้ว 

แต่ว่าผู้ขายก็พยายามที่จะทำให้ลูกค้าได้เห็นถึงความสามารถในการใช้งาน และหาโอกาสให้ได้เรียนรู้การใช้งาน ความสามาระถในการใช้งานผ่านวิธีการต่างๆ เพราะอย่างน้อยหากเกิดเหตุจำเป็นจริงๆ จะได้รู้ว่ารถสามารถทำอะไรได้บ้าง 

"บีเอ็มดับเบิลยู" เป็นอีกค่ายที่ทำตลาดเอสยูวีอย่างจริงจัง แต่จำกัดความว่า "เอสเอวี" (Sports Activity Vehicle) มีรถให้เลือกหลายรุ่นในตระกูล “เอ็กซ์” แต่เชื่อว่าหลายคนมองว่าจุดเด่นของมันคือเป็นรถที่ทำงานได้ดีบนทางเรียบ 

ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นครับ เอสยูวี หลายรุ่นจากบาวาเรีย มีประสิทธิภาพการขับขี่บนท้องถนนที่ดี ไม่แตกต่างจากรถยนต์นั่งที่มีโครงสร้างตัวถังที่เตี้ยกว่า มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า

รวมถึงคันนี้ "X5 xDrive45e M Sport" เจเนอเรชั่นที่ 4 เจ้าของค่าตัว 4.999 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา บีเอสไอ สแตนดาร์ด

จุดเด่นแรกคือ ระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่พกความแรงมาเต็มที่ ทั้งจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที

ด้านมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน ให้กำลังสูงสุด 394 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่ามหาศาลเลยทีเดียว ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สเต็ปโทรนิค สามารปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเองทั้งที่คันเกียร์ หรือว่าแพดเพิลชิฟท์ หลังพวงมาลัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เอ็กซ์ไดรฟ์ 

159343252081

ข้อมูลจากบริษัทระบุว่า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 5.6 วินาที เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 1.2 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดาครับ สำหรับรถในรูปแบบเอสยูวีขนาดใหญ่ ผมไม่ได้ลองจับเวลาเป็นทางการ แต่จับเอาจากความรู้สึกที่ได้ลองขับจริง ก็รับรู้ได้ว่ามันจี๊ดจ๊าดจริง เมื่อเริ่มกดคันเร่ง รถก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตามน้ำหนักเท้า ไม่มีจังหวะหน่วง จังหวะดีเลย์ ไม่มีอิดออด และเมื่อความเร็วถูกเติมขึ้นไป ก็ไม่มีท่าว่าแผ่วลงแต่อย่างใดพร้อมกับความรู้สึกหลังติดเบาะ

แต่ด้วยเส้นทางการทดสอบที่ไม่เอื้อให้ใช้ความเร็วสูงสัก ทางเล็กๆ แม้จะโล่งๆ แต่ว่าสองข้างทางเต็มไปด้วยตันไม้ มองเห็นพื้นที่ซ้าย-ขวา ของถนนได้ไม่กว้างนัก ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาบนถนนตอนไหน ก็เอาแต่พอดีๆ ถึงช่วงที่เหมาะสมก็ยกคันเร่ง ลดควารมเร็ว

ส่วนความเร็วสูงสุดของรถ ตามสเปคอยู่ที่ 235 กม./ชม. 

ขุมพลังตอบสนองแบบเต็มๆแล้ว ทีนี้้ส่วนอื่นๆ สอดคล้องกันด้วยหรือไม่ คำตอบก็คือ การควบคุมรถมีความแม่นยำ เกาะถนนไว้ใจได้ แม้พื้นถนนจะเปียกแฉะอยู่ก็ตาม ทางตรงนิ่ง ทางโค้งแม่นยำไม่มีการโยนตัวของตัวถังให้รู้สึกเหวอ 

159343251897

มาว่ากันที่การขับนอกถนนกันบ้างครับ เส้นทางที่ลองมีทั้งในสนามเอ็นดูโร่ ปาร์ค ที่บีเอ็มดับเบิลยูสร้างไว้สำหรับอบรมรถจักรยานยนต์ เส้นทางธรรมชาติที่ลัดเลาะแถวๆ บางพระ ชลบุรี และลานดินสำหรับการขับขี่แบบจิมคาน่า 

เรื่องพละกำลังไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าจะกาาขับขึ้นลงเนิน การลงทางโคลนเล็กๆ ปีนร่องน้ำ รถไปได้สบายๆ แค่แตะคันเร่งเบาๆ เท่านั้น ส่วนการลงเนินจะใช้ระบบช่วยลงทางชันก็ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้คันเร่ง หรือแป้นเบรก แค่ควบคุมพวงมาลัยเท่านั้น ระบบก็จะทำงานเอง และทำงานได้ละเอียด ไม่มีเสียงดังครืดคราด หรืออาการลื่นไถลบางจังหวะ ซึ่งในอดีตรถหลายๆ รุ่น หลายคนไม่กล้าใช้ระบบนี้ก็เพราะไอ้เสียงและอาการที่มันกวนใจ 

และการขับขี่แบบออฟโรดครั้งนี้ แม้จะใช้ยางที่เหมาะกับทางเรียบมากกว่า ทั้งดอกยางและขนาด โดยยางด้านหน้าใช้ขนาด 275/40 R21 ด้านหลัง 315/35 R21 ซึ่งการขับขี่ครั้งนี้ผ่านอุปสรรคผ่านเส้นทางต่างๆ ไปได้ไม่ยากเย็นอะไร แค่ใช้คันเร่งให้เหมาะสม ไม่กดหนักเกินไป เพราะแรงบิดที่สูงจะทำให้ล้อไปขุดถนนเสียเปล่าๆ แต่ถ้าแตะพอดีๆ รถก็ไต่ผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายๆ  

159343143728

159343250578

จุดเด่นอีกอย่างของการขับขี่ในเส้นทางนี้คือ ช่วงล่างแบบถุงลม ที่สามารถปรับระดับอัตโนมัติและระบบควบคุมความนุ่มนวลของช็อคแอบซอร์เบอร์ แบบแปรผัน ตามโหมดการขับขี่ที่เลือก และสามารถปรับเองได้ด้วยสวิทช์ควบคุมหลังคันเกียร์ โดยเพิ่มความสูงได้ 2 ระดับ ลดได้ 2 ระดับ เช่น เมื่อจะลงเส้นทางออฟโรด เรายกมันขึ้นไป 1 ระดับ ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงว่าใต้ท้องรถจะติดจะครูดกับเนิน กับก้อนหิน หรือเสี่ยงว่ากันชนหน้ากันชนหลังจะไปขุดดินเมื่อปีนเนิน 

และหากกลับขึ้นมาขับทางเรียบแล้วลืมปรับความสูง ก็ไม่ต้องกังวล เพราะหากเพิ่มความเร็วขึ้นไปจนถึง 60 กม./ชม. ระบจะปรับลดความสูงลงมาเองโดยอัตโนมัติ

และหากเลือกขับโหมด สปอร์ต ระบบก็จะปรับลดความเร็วลงมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง 

ส่วนการขับขี่แบบจิมคาน่า เป้าหมายก็คือ ให้ดูความสามารถในการควบคุมรถ และการตอบสนองของรถ กรณีที่ต้องใช้ความเร็วในเส้นทางแบบนี้ที่ทั้งความลื่น ผิวเส้นทางไม่เรียบ เป็นคลื่นเป็นลอน มีทั้งหลุมทั้งบ่อ และมีสภาพเป็นดินโคลน และเส้นทางที่ต้องเลี้ยวไปมาอย่างรวดเร็ว

สนามนี้ก็เป็นเวทีที่ช่วยบ่งบอกถึงภาพรวมของรถได้อย่างดี โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่จะต้องส่งกำลังอย่างแม่นยำ เพื่อให้รถฝ่าอุปกสรรคไปแล้ว และควบคุมทิศทางได้

เรื่องกำลังไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือ อย่ากดคันเร่งมากเกินไป แค่เติมเบาๆ ก็เพียงพพอต่อการพุ่งไปข้างหน้า โดยล้อไม่ขุดดินมากเกินไปจนจะกลายเป็นการสร้างอุปสรรคเสียเอง ดังนั้นก็เพียงแต่รักษาคันเร่งให้ดีเท่านั้น เพราะแรงบิดมหาศาล สามารถนำรถฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ไม่ยาก 

การขับเราปิดระบบดีเอสซี แต่เปิดการทำงานของแทรคชั่น คอนโทรล และสิ่งที่น่าพอใจก็คือ มันสามารถคุมรถในอยู่ในช่องทางได้ไม่ยาก แม้จะต้องควงพวงมาลัยไปมา จนมือเป็นระวิงก็ตาม 

159343283864

159343283556

159343251028

X5 เป็นรถที่มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และยิ่งได้ช่วงล่างถุงลมด้วยแล้ว ทำให้นุ่มสบายยิ่งขึ้น และรู้สึกได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อไปลุยในส้นทางออฟโรด ไม่มีกระแทกกระทั้น กระเด้งกระดอน 

159343252241

159343252497

159343251792

รถยังติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ในเส้นทางออฟโรด อย่างเช่น กล้องรอบคัน รวมถึงด้านบน ซึ่งกล้องด้านหน้าให้ภาพชัดเจน ทำให้ขับขี่ได้สะดวกขึ้น กับเส้นทางที่มองด้วยสายตาไม่เห็น เช่นช่วงที่รถเอียง หรือกำลังขึ้นทางชัน หรือลงทางชันมากๆ ภาพจากกล้องทำให้เลือกทิศทางที่จะไปได้อย่างปลอดภัย และรีโมท 3D วิว ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อเพื่อดูภาพของรถที่จอดทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ ผ่านระบบ BMW ConnectedDrive

ส่วนระบบอื่นๆ ที่ติดตั้งมา เช่น ระบบ Parking Assistant Plus ที่มาพร้อมกับระบบช่วยถอยรถในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ตัวรถสามารถจดจำทิศทางที่ขับตรงไปข้างหน้าในระยะ 50 เมตรสุดท้าย ด้วยความเร็วไม่เกิน 36 กม./ชม. และสามารถถอยออกในทิศทางเดิมแบบอัตโนมัติ 

ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร มาพร้อมระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ที่ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิ และระบบสั่งงาน iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) โดยไม่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์ใดๆ หรือหน้าจอแต่อย่างใด

ในส่วนแบตเตอรีลิเธียม ไอออน ของระบบไฮบริดความจุเยอะทีเดียว ขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้สามารถใช้งานด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 67-87 กม. ขึ้้นอยู่กับการขับ ความเร็ว สภาพจราจร และการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำความเร็วสูงสุดได้ 135 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม.

ส่วนอัตราสิ้่นเปลืองจากข้อมูลระบุว่า ที่ 43.5 กม./ลิตร ส่วนการใช้งานจริงจะทำได้อย่างไร รอให้มีโอกาสนำมาลองขับยาวๆ เหมือนการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันอีกครั้งคร้บ 

***

159343250968