'คณิศ' เร่งแผนหลังโควิด อุ้มผู้ประกอบการ-ดึงลงทุน

'คณิศ' เร่งแผนหลังโควิด  อุ้มผู้ประกอบการ-ดึงลงทุน

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดเวที Recover Forum หาแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของไทยหลังโควิด-19

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ระบุว่า ไทยโชคดีที่ควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ได้เร็ว โดยอีอีซีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นกัน แต่ยังเชื่อว่าแผนการลงทุนในอีอีซีไปถึงเป้าหมายเหมือนเดิม เพียงแค่ขยายเวลาออกไปเพื่อทดแทนในช่วงที่ได้รับผลกระทบ 

จากการที่จีนฟื้นได้เร็วส่งผลให้ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทย พลิกกลับมาดี มีการนำเข้าทุเรียน มังคุดและข้าว ส่งผลให้ผลผลิตทุเรียนและมังคุดทำรายได้ได้ดี ข้าวราคาดี เพราะไทยเร่งการส่งออกทันทีที่มีโอกาส 

นอกจากนี้ ธุรกิจที่ปรับตัวในทางที่ดีขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรม 5G กลุ่มโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมสุขภาพ กลุ่มการพัฒนาเมือง ที่อยู่อาศัย ธุรกิจชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดสังคมสุขภาพดี ซึ่งต้องหารือเพื่อการต่อยอด

สำหรับมาตรการสำคัญที่ได้หารือกันในคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย การหารือถึงการให้สินเชื่อเอสเอ็มอี และการขยายตลาดส่งออกกับประเทศที่มีการฟื้นตัวเร็ว เช่น CLMV จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น

รวมถึงการบรรเทาปัญหาการว่างงาน การจัดหางานภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรม การฝึกอบรมทักษะความรู้ที่มีความจำเป็นในอนาคตเพื่อ Upskill-Reskillโดยถือโอกาสในวิกฤตครั้งนี้เตรียมความพร้อมด้านกำลังคนให้เต็มที่ เพื่อรองรับการกลับมาเดินเครื่องของภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการกำลังคนทักษะสูงขึ้น

159335813741

ด้านการสนับสนุนไทยเที่ยวไทยจะดึงคนไทยที่จากเดิมที่เดินทางไปเที่ยวแต่ต่างประเทศให้กลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น และมีการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชน เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การสร้างตลาดสด แหล่งน้ำ การสนับสนุนบัณฑิตอาสาพัฒนาชุมชน ในการลงพื้นที่เก็บและหาข้อมูลที่จำเป็นในการพัฒนาชุมชน การพัฒนาสำมะโนประชากร

ด้านการผ่อนผันนักธุรกิจต่างประเทศเดินทางเข้าไทย สกพอ.อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ในประเด็นความร่วมมือในการสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างองค์กร หรือบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทางกับสถานเอกอัครข้าราชทูตไทยหรือสถานกงสุลใหญ่

โดยเฉพาะประเทศต้นทางที่มีความไม่สะดวกในด้านการหาบริการตรวจสุขภาพ และอยู่ระหว่างการหารือกระทรวงสาธารณสุขในการร่วมพิจารณากำหนดประเทศต้นทางและจำนวนบุคลากรที่จะอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศได้ในแต่ละช่วงเวลา 

ทั้งนี้ จะร่วมกันกำหนดมาตรการกักกัน Flexible Alternative Quarantine ให้บุคลากรที่เดินทางเข้ามา สามารถทำภารกิจที่จำเป็นได้ ภายใต้หลักการการกักกัน การร่วมกันพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็น Alternative State Quarantine เพิ่มเติมในอีอีซี โดยมีโรงพยาบาลเอกชนที่มีบุคลากรที่สื่อสารภาษาประเทศต้นทางได้ เพื่อความสะดวกในการดูแลสุขภาพ

“เราได้รับผลกระทบเรื่องการทำงาน พวกเราทำงาน Work From Home กัน 100% แต่สิ่งที่เราเห็น คือ ประชุมทางไกล (VDO Conference) ทำให้เราเจอซีอีโอจากทั่วโลก โดยสภาวะปกติเราไม่มีโอกาสได้เจอคนเหล่านั้น แต่โควิด-19 ทำให้ได้มาประชุมร่วมกัน เชื่อว่าการประชุมลักษณะนี้จะมีต่อไปอีกยาวนาน ซึ่งเป็นวิถีใหม่ทั่วโลก ขณะเดียวกัน สิ่งที่เราได้กลับมาจากวิกฤตครั้งนี้ คืออุตสาหกรรมใหม่ที่มีทั้ง จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เข้ามาคุยและสนใจการลงทุนดิจิทัลมากขึ้น”

รวมทั้งได้มีการหารือถึงโอกาสของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่หลายประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วโลกรวมถึงอินเดียลดการผลิตลง 90% ถึงเกือบ 100% หากดูแลตรงนี้ได้จะเป็นโอกาสของไทย แต่ต้องผ่อนคลายมาตรการด้านการส่งออกเพิ่มขึ้น และต้องเตรียมพัฒนากำลังคน ทั้งกำลังคนที่จะเข้ามาใหม่ รวมถึงกำลังคนที่มีอยู่ต้องพัฒนาทักษะให้ตรงต้องการ

นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า แนวทางการพัฒนากำลังคนตลอดจนให้ความมั่นใจในการผลิตกำลังคนตอบโจทย์ประเทศตามนโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้ช่วยเหลือและพัฒนากำลังคนทุกมิติ โดยครอบคลุมการร่วมกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ใช้จุดแข็งของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาออกแบบหลักสูตรเสริมทักษะ Reskill-Upskill ระยะสั้น–ยาว ผ่านโครงการพัฒนาทักษะกำลังคนของประเทศ (Reskill / Upskill / Newskill) เพื่อการมีงานทำ และเตรียมพร้อมรองรับอนาคตหลังวิกฤติโควิด-19 

กระทรวงการอุดมศึกษาฯ สนับสนุนค่าลงทะเบียน 95-100% และเป็นหลักสูตรในรูปแบบออนไลน์ รวมถึงโครงการจัดตั้งหน่วยรับรองมาตรฐานหลักสูตรและหน่วยฝึกอบรมเพื่อการพัฒนากำลังคนตามความต้องการของประเทศ ภายใต้มาตรการ Thailand Plus Package สำหรับสถานประกอบการ 

โดยผู้ประกอบการนำค่าใช้จ่ายฝึกอบรมและการจ้างงานบุคลากรตำแหน่งงานทักษะสูง ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรม ที่มีทักษะเข้าข่ายตามประกาศกำหนด Future Skills Set หรือ ทักษะความเชี่ยวชาญซึ่งเป็นที่ต้องการ ตามประกาศของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ มายื่นขอยกเว้นภาษีได้ 1.5-2.5 เท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพื่อยกระดับทักษะบุคลากรในประเทศให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญสอดคล้องต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในปัจจุบันและอนาคต 

รวมถึงเพื่อเป็นการวางระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ทั้งในรูปแบบของการจัดหลักสูตรประกาศนียบัตร (Non-degree) และหลักสูตรระดับปริญญา (Degree) 

นอกจากนี้ ในระยะ 3-6 เดือน กระทรวงการอุดมศึกษาฯ สนับสนุนการจ้างนักศึกษาจบใหม่หรือคนว่างงานลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลชุมชน เพื่อสร้างงานและให้นักศึกษามีรายได้