'พุทธิพงษ์' แจง ควบรวม 'ทีโอที-กสทฯ' ไม่ทันสิ้นปี 

'พุทธิพงษ์' แจง ควบรวม 'ทีโอที-กสทฯ' ไม่ทันสิ้นปี 

ชง ครม.ขอต่อเวลาดำเนินการไปอีก 6 เดือน

อย่างไรก็ดี การขอขยายระยะเวลาครั้งนี้ จะมีการกำหนดกรอบการทำงานที่ชัดเจนว่า แต่ละช่วงเวลาจะดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยในส่วนตัวมีแนวคิดว่า การควบรวมกิจการไม่ใช่เพียงการนำทั้ง 2 บริษัทมารวมกัน

แต่อยากให้เอ็นทีเป็นบริษัทแม่ มีลักษณะเป็นโฮลดิ้ง คัมปะนี  ซึ่งมีการแบ่งเป็นหน่วยธุรกิจ (บิสสิเนส ยูนิต) โดยส่วนงานใดที่มีความเกี่ยวข้องกันให้นำมารวมกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ผู้บริหารจะถูกแยกออกไปเฉพาะทาง ทำให้บุคลากรของทั้ง 2 บริษัทมีเส้นทางการทำงานที่ดีขึ้น เกิดการปรับตัวและมีโอกาสเติบโตในสายงานที่ถนัด ซึ่งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 บริษัทก็เข้าใจ และมองเป้าหมายให้การควบรวมกิจกิจการไปในทิศทางเดียวกัน คือให้องค์กรเข้มแข็งและอยู่รอด

“หากผมยังอยู่จนถึงวันที่ทุกอย่างครบ ไม่ใช่เฉพาะควบรวมกิจการเสร็จสิ้น แต่กระทั่งเอ็นทีมี 5จี พร้อมให้บริการ มีแนวคิดว่าจะเสนอให้ทุกหน่วยงานภาครัฐที่ต้องใช้ 5จีพิจารณาใช้งานของเอ็นทีก่อน ซึ่งจะเกิดผลดีกับบริษัทในการแข่งขันกับผู้ให้บริการเอกชน ซึ่งจากนี้จำเป็นต้องมีการวางแผนเรื่องการลงทุนพัฒนาโครงข่ายให้มีศักยภาพ”

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทเอ็นที จะเป็นลักษณะซีอีโอร่วม คือ พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสทฯ ซึ่งจะหมดวาระในเดือนส.ค.นี้ และนายมรกต เธียรมนตรี ซึ่งจะขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที โดยจะมีผลเดือนก.ค.นี้ แทนนายพิพัฒน์ ขันธ์ทอง กรรมการบริษัททีโอที ที่ลาออก

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเสนอโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นั้น กระทรวงดีอีเอสได้เสนอทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการเพิ่มเติมจากชุดแรกที่เสนอไป 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนสู่การเติบโตด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 70 ล้านบาท และโครงการบวร 4.0 เพื่อการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้กับศาสนสถานในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาความเท่าทันในการใช้ดิจิทัล มูลค่า 900 ล้านบาท

“คาดว่าจะมีอย่างน้อย 3 โครงการ ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงภาวะวิกฤตจะเห็นได้ว่า ทุกคนมีการให้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น จนเกิดเป็นความปกติรูปใหม่ หรือนิว นอร์มอล”