‘โลว์คอสต์’ เพิ่มเที่ยว-รูทใหม่ กางปีกบินครบทั่วไทย ก.ค.นี้

‘โลว์คอสต์’ เพิ่มเที่ยว-รูทใหม่  กางปีกบินครบทั่วไทย ก.ค.นี้

ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ฝูงบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) บางรายจำต้องจอดนิ่งสนิท เพราะฝืนบินไปก็ไม่ต่างจากการเผากระแสเงินสด!

แต่พอสถานการณ์ในไทยเริ่มคลี่คลาย รัฐคลายล็อคการเดินทางในประเทศและมีแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วยขับดันอีกแรง ส่งผลให้สายการบินโลว์คอสต์เพิ่มกำลังการบินจนครบทุกเส้นทางในประเทศได้อีกครั้งในเดือน ก.ค.นี้ ระหว่างลุ้นความคืบหน้าของแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ “ทราเวลบับเบิล” ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ระบุว่าอย่างเร็วที่สุดคงเป็นเดือน ส.ค.นี้

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า หลังจากไทยแอร์เอเชียกลับมาให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศเมื่อเดือน พ.ค.2563 และได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือน ก.ค.นี้ที่จะกลับมาให้บริการครบ 23 จุดหมายปลายทาง รวมถึงเส้นทางบินข้ามภาค เช่น เชียงใหม่-หาดใหญ่ เชียงใหม่-พัทยา (อู่ตะเภา) หาดใหญ่-พัทยา (อู่ตะเภา) และขอนแก่น-หาดใหญ่ รวมทั้งสิ้น 25 เส้นทางบิน มีเที่ยวบินให้บริการ 68 เที่ยวบิน (ไป-กลับ) ต่อวัน เพื่อกระตุ้นการเดินทางและส่งเสริมภาคธุรกิจ

ไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางยอดนิยมมากขึ้น เช่น เชียงใหม่ 9 เที่ยวบินต่อวัน หาดใหญ่ 7 เที่ยวบินต่อวัน ขอนแก่น 5 เที่ยวบินต่อวัน ภูเก็ต 5 เที่ยวบินต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง และส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในภูมิภาคเเละทุกๆ จังหวัดมากที่สุด”

ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียเอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยแอร์เอเชีย เล่าเสริมว่า คาดว่าในปี 2564 ไทยแอร์เอเชียจะกลับมามีกำไรจากปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หลังสถานการณ์การบินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และเริ่มกลับมาทำการบินเส้นทางในประเทศได้มากขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เครื่องบิน 15 ลำจากที่มีฝูงบินทั้งหมด 60 ลำ และในเดือน ก.ค.นี้จะเพิ่มเป็น 20 ลำเพื่อทำการบินสู่ทุกปลายทาง แต่ความถี่เที่ยวบินยังไม่เท่าเดิม

“อย่างไรก็ตามภาพรวมธุรกิจสายการบินยังถือว่าไม่ดี ตราบใดที่ยังไม่สามารถทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศได้ เพราะรายได้และกำไรหลักมาจากเส้นทางระหว่างประเทศ แม้แต่เส้นทางในประเทศเองก็ต้องอาศัยชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและต่อเที่ยวบินไปแต่ละภูมิภาค โดยก่อนเกิดวิกฤติโควิด เส้นทางในประเทศมีสัดส่วน 60% ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากการเดินทางของชาวต่างชาติ”

ด้าน นันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า ไทยไลอ้อนแอร์ได้กลับมาบินทุกเส้นทางในประเทศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสัดส่วนตารางบินเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดระบาด พบว่าในเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 20% และเพิ่มเป็น 60% ในเดือน ก.ค.นี้

ส่วนกลยุทธ์ราคาตั๋วบิน แม้หลายสายการบินจะมีการโฆษณาราคาเส้นทางในประเทศหลักร้อยบาทต่อเที่ยวบิน แต่ราคาเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่หลักพันบาทต่อเที่ยวบินเพื่อรักษาจุดคุ้มทุน โดยไทยไลอ้อนแอร์ได้ชูโปรโมชั่นฟรีน้ำหนักกระเป๋า สูงสุดไม่เกิน 3 ชิ้น รวม 20 กิโลกรัม หลังจากก่อนหน้านี้ทุกสายการบินต้องเว้นที่นั่งเพื่อรักษาระยะห่าง กระทั่งมีประกาศจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยให้สามารถนั่งโดยไม่เว้นระยะห่างได้สำหรับเที่ยวบินไม่เกิน 90 นาที ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา

“ภาพรวมกระแสการจองตั๋วบินขณะนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่นิยมจองล่วงหน้าไม่เกิน 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ยังต้องติดตามว่ายอดจองช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 4-7 ก.ค.นี้ซึ่งไทยไลอ้อนแอร์มียอดจองแล้ว 50% คาดว่าอัตราการขนส่งผู้โดยสารในช่วงดังกล่าวจะไม่ต่ำกว่า 80%

ก่อนหน้านี้รายงานข่าวจากสายการบินไทยเวียตเจ็ท ระบุว่า เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ 5 เส้นทางภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบด้วยเส้นทางไป-กลับจากกรุงเทพฯสู่หาดใหญ่ ความถี่ 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบิน 17 ก.ค.นี้, ขอนแก่น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบิน 30 ก.ค.นี้, นครศรีธรรมราช 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบิน 6 ส.ค.นี้, อุบลราชธานี 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบิน 6 ต.ค.นี้ และสุราษฎร์ธานี 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบิน 4 พ.ย.นี้

159324162513