ผ่าไส้ใน 'อินทัช' มีอะไรดี 'กัลฟ์' ยอมทุ่มซื้อหุ้น 4.5%

ผ่าไส้ใน 'อินทัช' มีอะไรดี 'กัลฟ์' ยอมทุ่มซื้อหุ้น 4.5%

เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยหลัง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กระโดดเข้ามาลงทุนใน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จนดันราคาหุ้น GULF พุ่งกระฉูด วอลุ่มสุดคึกคัก ในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยปิดตลาดที่ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 5.63% มูลค่าการซื้อขายนำโด่งเป็นอันดับ 1 กว่า 2,734 ล้านบาท หลัง GULF ทยอยเก็บหุ้น INTUCH มาอย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงที่หุ้นไทยดิ่งหนัก โดยซื้อหุ้นไปทั้งหมด 147,044,400 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 4.59% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ในทันที

ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 อันดับแรก ยังคงเป็น SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. ถือหุ้น 673,348,264 หุ้น หรือ 21%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 510,674,007 1 หุ้น หรือ 5.93% และ THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED ถือหุ้น 166,753,460 หุ้น หรือ 5.20%

นักวิเคราะห์ประเมินกันว่าดีลนี้น่าจะมีมูลค่าราวๆ 8 พันล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนครั้งสำคัญของ GULF ขณะที่ผู้บริหารออกมายืนยันว่าไม่ได้ต้องการเข้าไปนั่งบริหารงานใน INTUCH แต่เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลทดแทนจากเงินปันผล เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำติดดินไม่ถึง 2% หากฝากเงินไว้ในแบงก์เฉยๆ ดูไม่งอกเงย

แต่หุ้น INTUCH ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงไม่ต่ำกว่า 4-5% ต่อปี ซึ่งหากมีโอกาสถ้าตลาดหุ้นปรับฐานลงหนักๆ บริษัทพร้อมที่จะลงทุนเพิ่ม โดยเบื้องต้นบรรดาโบรกเกอร์ดีดลูกคิดประเมินว่า GULF จะได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้น INTUCH อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าปีละ 300 ล้านบาท

ในเบื้องต้นแม้ว่า GULF จะเข้ามาในฐานะนักลงทุน แต่ในอนาคตเราอาจเห็นความร่วมมือกันก็ได้ เพราะ GULF เองก็เป็นบริษัทที่ไม่หยุดนิ่ง ที่ผ่านมาได้แตกไลน์เข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อย่างระบบสาธารณูปโภคงานโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยง ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเดียว

ทั้งการจับมือกับกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จนคว้างานพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 มาได้สำเร็จ ส่วนท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 อยู่ระหว่างการต่อรองราคา นอกจากนี้ ยังมีงานมอเตอร์เวย์อีก 2 สาย ได้แก่ บางปะอิน-นครราชสีมา และ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในนามกิจการร่วมบีจีเอสอาร์ ซึ่งจับมือกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS, บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) และ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH

ส่วนงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของ INTUCH ดูเป็นธุรกิจแห่งอนาคตและน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะการมาของเทคโนโลยี 5จี ซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลให้กับภาคธุรกิจ และน่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจของ GULF ได้อีกเยอะ ดังนั้น ถ้าในอนาคตจะเกิดความร่วมมือกันขึ้นระหว่างทั้ง 2 บริษัทก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

พูดถึง INTUCH แล้ว ถือเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย มีธุรกิจครบวงจรแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือ ภายใต้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ซึ่งครองมาร์เก็ตแชร์เบอร์ 1 ในตลาด ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่า 41 ล้านราย และธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่กำลังเติบโตแรงปัจจุบันมีลูกค้าทะลุ 1 ล้านราย

2.ธุรกิจดาวเทียม ของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM แม้ว่าฐานผู้ใช้บริการจะลดลงต่อเนื่อง กระทบผลประกอบการหดตัวมาหลายปี ถึงขั้นขาดทุนหลายพันล้าน แต่ดาวเทียมยังมีความจำเป็น ขณะที่ปีนี้ กสทช. เตรียมเปิดเสรีดาวเทียมจัดประมูลคัดเลือกผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียมครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งไทยคมถือว่ามีความได้เปรียบ ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน

และ 3. ธุรกิจอื่นๆ เช่น การสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ, โฮมช็อปปิ้ง, โครงการอินเว้นท์ที่จะเข้าไปร่วมลงทุนกับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ (young entrepreneur) ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำธุรกิจและต้องการเงินลงทุนเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจ

หากมองในมุม INTUCH การที่ GULF เข้ามาถือหุ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทยัง “เนื้อหอม” มีดีไม่แพ้ใคร ช่วยชดเชยหลังกลุ่ม “เทมาเส็ก” ซึ่งถือหุ้นผ่าน HSBC ทยอยขายหุ้นออกมาหลายรอบหลังลงทุนมากว่า 10 ปี โดยล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันเหลือถือหุ้นเพียง 5.20%