หุ้นไทยรีบาวน์ช่วงท้ายตลาด เหตุรับอานิสงส์แรงซื้อกลุ่มแบงก์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,325.88 จุด ลดลง -7.55 จุด หรือ 0.57% มีมูลค่าการซื้อขาย 60,823.58 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,306.67 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงช่วงท้ายก่อนปิดตลาด โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 252.23 ล้านบาท,บัญชีโบรกเกอร์ขายสุทธิ 779.24 ล้านบาท, นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 740.08 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิกว่า 1,771.55 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่1.CPALL ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,967.16 ล้านบาท,2.KBANK ปิดที่ 92.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,189.85 ล้านบาท,3.AOT ปิดที่ 59.00 บาท ลดลง -0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,184.41 ล้านบาท,4.PTT ปิดที่ 37.25 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,846.89ล้านบาท และ5.MINT ปิดที่ 20.30 บาท ลดลง -0.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,730.79 ล้านบาท

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เนื่องจากรับผลกระทบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยลง และทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกลงรวมถึงไทยด้วย นอกจากนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงเปิดตลาดภาคบ่ายมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง โดยเป็นแรงซื้อที่เข้ามาที่หุ้นในกลุ่มแบงก์ซึ่งได้ประโยชน์จากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มแบงก์สามารถช่วยพยุงตลาดไว้ได้บ้างและทำให้ดัชนีหุ้นไทยโดยรวมติดลบน้อยลง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ประเมินว่าตลาดคงจะแกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้บ้างหลังจากที่ลงไปลึก แต่แรงซื้อยังมีจำกัดเพราะมีความกังวลทิศทางเศรษฐกิจ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ระดับ 1,310 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,330 จุด