ปรับลงต่อ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจเป็นลบมากขึ้น

ปรับลงต่อ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจเป็นลบมากขึ้น

หากดัชนีฯ ถอยลงมาแถว 1,300 จุดหรือตํ่ากว่านั้น คือโอกาสในการกลับเข้าสะสมอีกครั้ง

KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับลงต่อ... หลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีฯ ร่วงแรงช่วงบ่าย รับข่าวกนง. ลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย และประเด็นข่าวในยุโรปซึ่งเยอรมันกลับมาล็อกดาวน์ 2 เมืองอีกครั้ง...ส่วนในวันนี้ปัจจัยตลาดหุ้นยังคงเป็นลบ กล่าวคือ i) IMF ปรับลดประมาณการ GDP โลกปี 2563 ลงอีก
ครั้ง สู่ -4.9% (จากเดิม -3.0%) และมองเศรษฐกิจโลกปี 2564 ฟื้นช้ากว่าเดิมเล็กน้อย ii) ข่าวสารเกี่ยวกับการติดเชื้อ Covid-19 เป็นลบมากขึ้น อีกหลังสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทะลุ 3.8 หมื่นคน ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้ช่วงปลายเดือน มี.ค. และบางรัฐฯ เริ่มสั่งกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากรัฐฯ ที่ระบาดหนักๆ เป็นเวลา 14 วัน ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อความเสี่ยงของการปิดเมืองอีกครั้ง แม้ว่าทางการสหรัฐฯยังยืนยันไม่ปิดเมืองก็ตาม iii) เมื่อวานนี้ กนง. ปรับลด GDP ปี 2563 สู่ -8.1% ใกล้เคียงกับประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ KGI ที่ -8.4% แต่ถือว่า กนง. รอบนี้ลดตัวเลขลงค่อนข้างมาก กดดันจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นไทย... ภาพรวมดัชนีฯ น่าจะยังอยู่ในช่วงปรับฐานลง อิงบทวิเคราะห์กลยุทธ์รายสัปดาห์นีซึ้่งเราให้มุมมองเชิงลบต่อตลาดอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ คงมองว่าความเสี่ยงทางลงของดัชนีฯ เหลือไม่มากแล้ว หากคำนวณจากแบบจำลองของเรา ฐานพีอีเรโชของ SET Index ที่เหมาะสมในเดือน ก.ค.อยู่ที่ 17.0 เท่า และคำนวณแบบระมัดระวังคือใช้กำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดกลางปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 75.5 มาคำนวณ (ไม่ใช้ EPS ทั้งปี 2564) จะได้ความเสี่ยงทางลงอยู่ที่ 17*75.5 = 1,284 จุด ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าหากดัชนีฯ ถอยลงมาแถว 1,300 จุดหรือตํ่ากว่านั้น คือโอกาสในการกลับเข้าสะสมอีกครั้ง

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

ย่อซื้อ GULF*, CPF*, VGI*

- GULF* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 34 บาท และ 33.5 บาท / แนวต้าน 36 - 37 บาท (Stop loss 32 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลการดำเนินงาน 2Q63 พลิก Turnaround จาก i) กำไรปกติดีขึ้น / ทรงตัว ii) ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้พลิกกลับมามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ 3) Catalyst สั้นๆอยู่ที่การร่วมเข้าประมูลรถไฟฟ้า MRT สายมีส้มตะวันตกกับกลุ่ม BTS*

- CPF* (เป้าพื้นฐาน 38 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 31.0 บาท และ 30.5 บาท / แนวต้าน 32.5 – 33 บาท (Stop loss 30 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากราคาเนื้อหมูและไก่ในไทยเริ่มฟื้นตัวแล้วเป็นผลบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q63 ที่เป็น High season ของการส่งออก โดยเป็นผลจาก Supply เนื้อสัตว์ที่ลดลง (หมูเวียดนามเจอโรคระบาด AFS / ผู้ส่งออกเนื้อหมู+ไก่ รายใหญ่อื่นๆของโลก เจอการแพร่ระบาดของโควิด-19)

- VGI* (เป้า Consensus 7.88 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 7.3 บาท / แนวต้าน 7.8 - 8.0 บาท (Stop loss 7.0 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ (รถไฟฟ้า, ห้างค้าปลีก กลับมาดำเนินกิจกรรมตามปกติ) 3) ราคาหุ้น Laggard PLANB* ที่เราแนะนำมาก่อนหน้า
นักลงทุนอาจพิจารณาใช้กลยุทธ์ Pair trading เพื่อลดความเสี่ยงตลาดฯ โดย Long VGI* / Short PLANB* พร้อมๆกัน (เริ่มแนะนำวันที่ 19 มิ.ย.) ... วันนี้มีข่าว VGI* เตรียมเข้าร่วมทำธุรกิจพื้นที่สนามบินอู่ตะเภากับทางกลุ่ม BTS*

หุ้นมีข่าว

(+) ไฟเขียวให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย โดยกลุ่มแรกที่จะเข้ามาประกอบด้วย ตัวแทนนักธุรกิจการค้า แรงงานมีฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญ ประชาชนที่มีครอบครัวในประเทศไทย อาจารย์ นักศึกษา และผู้ป่วยที่ยอมรับการกักตัว โดยโฆษก ศบค. คาดว่า จะมีชาวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยตามกฎเกณฑ์ใหม่ราว 5
หมื่นคน (บางกอกโพสต์) เรามองข่าวดังกล่าวเป็นบวกมากขึ้น สำหรับโรงพยาบาลที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในสัดส่วนที่มาก ขณะที่โรงพยาบาลเหล่านี้จะได้รับผลกระทบทางลบจากการปิดประเทศตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 แนวโน้มการอนุญาติให้กลับเข้ามาโดยมีการกักตัวถือว่าเป็นสัญญาณบวกในระยะแรกต่อโอกาสการเข้ามาของต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการมารับบริการการแพทย์ เราแนะนำ ซื้อ BDMS และ EKH โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2564 เท่ากับ 27.00 และ 6.50 บาทตามลำดับ

(0) BDMS* ล้มแผนการเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน BH* เนื่องจากผลกระทบของการระบาด COVID-19 (บางกอกโพสต์) เรามีมุมมองเป็นกลางต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้แล้วว่า การดำเนินการดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ โดยเชื่อว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BH จะไม่ตอบรับรวมทั้งการมีส่วนแบ่งตลาดที่มากในอนาคตจะเป็นสิ่งที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าจะไม่ยอมรับเรายังคงแนะนำ ซื้อ หุ้น BDMS โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2564 เท่ากับ 27.00 บาท

(+ กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน) 'สนธิรัตน์'ชูพลังงานสร้างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้าน(ข่าวหุ้น) “สนธิรัตน์” เตรียมชง “สมคิด” วันนี้เสนอแผนพลังงานสร้างชาติ ชูโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้านบาท พร้อมยืนตามมติกบง. ตรึงราคา LPG อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
ออกไปอีก 3 เดือน

(+ กลุ่มโรงแรม, โรงพยาบาล, สายการบิน) บอร์ดโรคติดต่อไฟเขียว 3 กลุ่ม เข้าไทยได้ รองรับจับคู่ประเทศท่องเที่ยว (ข่าวหุ้น) บอร์ดโรคติดต่อไฟเขียว 3 กลุ่ม เข้าไทยได้ รองรับโครงการ Travel Bubble ชี้ต้องมีประกันภัยครอบคลุมการตรวจ/รักษาโควิด-19

(+) WHA* จ่อฟันกำไรพิเศษ Q4 ขายทรัพย์ 5 พันล้านเข้ารีท เล็งเปิดนิคมฯใหม่'ระยอง 36'ช่วงครึ่งปีหลัง (ข่าวหุ้น) “จรีพร” ลั่น WHA* เตรียมขายทรัพย์สินมูลค่า 4-5 พันล้านบาท เข้ากอง WHART-HREIT คาดมีบุ๊กพิเศษในไตรมาส 4/63 หนุนมูลค่ารวมกองทุนพุ่ง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็น
กองรีทใหญ่ที่สุดในไทย นอกจากนี้เล็งเปิดนิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 นับเป็นนิคมฯแห่งที่ 12 ช่วงครึ่งปีหลัง ฟาก WHAUP ปลื้ม ถูกเลือกเข้าคำนวณดัชนี SET 100 และ SETHD ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังสดใส

(+) BTS* ดึงพันธมิตรในเครือ ยึดหัวหาดพัฒนาอู่ตะเภา (ทันหุ้น) BTS* เล็งใช้ VGI* และ U ดึงพันธมิตรทางธุรกิจร่วมพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกย้ำ สัญญายาว 47 ปี ในการพัฒนาพื้นที่กว่า 200 ไร่ ทางด้าน "กวิน" เผยพร้อมเพิ่มทุนในเคอรี่ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนธุรกิจสื่อ คงแผนถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิม ไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม

(-) 'มูดีส์ฯ'หั่นเครดิต NH Hotel MINT* ยันไม่กระทบ-เพิ่มทุน RO ไดลูทแค่ 10.9% (ข่าวหุ้น) “มูดีส์ฯ” หั่นเครดิตเรตติ้ง “NH Hotel” จาก B1 เหลือ B3 หลังคาดยอดเข้าพักทรุดอีก 3 ไตรมาส ฟาก MINT* ยันไม่ได้รับผลกระทบ! เชื่อไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย เพิ่ม! ขณะที่การเพิ่มทุนขาย RO จำนวน 563.29 ล้านหุ้นในอัตรา 8.2 : 1 เคาะราคาขาย 18.90 บาท และคาดเกิดไดลูชั่นแค่ 10.9%