'มั่นคงเคหะการ' หนุนแก้ปัญหาขยะทะเล ร่วมเครือข่าย UN Global Compact มุ่งพัฒนายั่งยืน

'มั่นคงเคหะการ' หนุนแก้ปัญหาขยะทะเล ร่วมเครือข่าย UN Global Compact มุ่งพัฒนายั่งยืน

มั่นคงเคหะการ ปลื้มผลสำเร็จโครงการจัดการปัญหาขยะลอยน้ำ เร่งเดินหน้าเฟส 2 จัด Boom ลดปัญหาขยะไหลลงทะเลใน 7 พื้นที่ชายฝั่งทะเล พร้อมจับมือพันธมิตรหน่วยงานระดับโลกขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน

นางสาวดุษฎี ตันเจริญ  กรรมการผู้จัดการบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการจัดการขยะลอยน้ำบริเวณปากแม่น้ำ ในพื้นที่ตำบลบางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในปี 2562 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยดี  การติดตั้งทุ่นกักขยะ หรือ BOOM รวม 250 เมตร ใน 5 จุดสำคัญ บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และการมอบเรือยนต์สำหรับเก็บขยะในแม่น้ำอีกจำนวน 1 ลำ ให้กับ อบต.บางน้ำผึ้ง เพื่อใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ส่วนรวม สามารถกักเก็บขยะได้มากถึงกว่า 4,000 กิโลกรัมหรือกว่า 4 ตัน ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นขยะอินทรีย์ ตามด้วยพลาสติกและโฟมที่มาจากการทิ้งไม่ถูกที่และไม่แยกขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

ในปีนี้ บริษัทจึงมีนโยบายเดินหน้าขยายโครงการติดตั้งทุนกักขยะ (Boom)  เฟส 2 โดยได้มอบ ให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อ    ดักขยะในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลของสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 7 พื้นที่ ประกอบด้วย ระยอง ชลบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา พังงา และกระบี่ ซึ่งดำเนินการติดตั้งในวันทะเลโลก เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา 

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมจัดนิทรรศการ “โครงการจัดการขยะลอยน้ำด้วยทุ่นกักขยะ (BOOM)”เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องปัญหาขยะในแหล่งน้ำ ซึ่งจัดแสดงพร้อมกัน 2 แห่ง คือที่ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และที่วัดบางน้ำผึ้งนอก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวมถึงเข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกับหน่วยงานราชการและภาคประชาคมในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า เรื่อง “ปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมทางทะเล” จัดโดย สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 เพื่อนำข้อคิดเห็นต่างๆ ไปต่อยอด สู่การสร้างความร่วมมือ และความเข้มแข็ง ทั้งในด้านเทคโนโลยี และการจัดการที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลต่อไป

“ในโครงการในเฟสแรก ส่งผลบวกให้สิ่งแวดล้อมและคุณภาพของชีวิตผู้คนในชุมชนค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก UN Global Compact หรือเครือข่ายความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 17 ประการ หรือ SDGs  (Sustainable Development Goals)  ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนตามเป้าหมายดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นพื้นฐานของการมี  Well-being หรือ สุขภาวะที่ดี” นางสาวดุษฎี กล่าว

นางสาวดุษฎี กล่าวว่า บริษัทยังจะให้ความสำคัญกับการรณรงค์ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาขยะ จับมือกับพันธมิตรและคนในท้องที่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด เพื่อร่วมกันลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง สร้างสรรค์กิจกรรมทำความสะอาดระหว่างทาง เพื่อลดปริมาณขยะที่จะไหลลงสู่ทะเลในปลายทาง ทำให้สามารถช่วยสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการกินขยะได้อย่างยั่งยืนและเห็นผลได้จริง 

โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการ อาทิ โครงการบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์ ด้วยการอำนวยความสะดวกและกระตุ้นให้พนักงานแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อรีไซเคิล เริ่มต้นที่มือของแต่ละคน หรือ โครงการ MUNKONG Waste Free Project , โครงการรณรงค์งดใช้  Single Use พลาสติก  โครงการปลูกสวนผักออร์แกนิค บนดาดฟ้าอาคาร 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ เช่น Global Compact Network Thailand, Blue Carbon Society ฯลฯ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน