SPI ปลื้มนักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นกู้ 5 พันล้านเกลี้ยง

SPI ปลื้มนักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นกู้ 5 พันล้านเกลี้ยง

SPI เผย นักลงทุนแก่จองซื้อหุ้นกู้ มูลค่า 5 พันล้านบาท หมดเกลี้ยง ขณะนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 5 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดที่เสนอขาย หรือ เกือบ 3หมื่นล้านบาท และ ในบางรุ่น มีมูลค่าถึง 11 เท่า เหตุ ผลดำเนินงานดีต่อเนื่อง เรทติ้งสูงที่ AA

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2563 จำนวนทั้งสิ้น 4 ชุด มูลค่าเสนอขายรวม 5,000 ล้านบาท แก่ ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวันนี้ 25 มิ.ย. 2563 โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าว มีเรทติ้งที่ ซึ่งมีเรทติ้งอยู่ที่ “AA” แนวโน้ม “Stable”


ทั้งนี้นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท ทำให้เสนอขายหุ้นกู้ได้หมดทั้งจำนวน ท่ามกลางสภาพตลาดเงินที่มีความผันผวนมากกว่าปกติ ซึ่งตอนแรกทางบริษัทฯ เองก็ไม่มั่นใจว่าหุ้นกู้จะขายหมดครบทุกรุ่นหรือไม่ เนื่องจากสภาพตลาดไม่เอื้ออำนวย การให้ข้อมูลแก่นักลงทุนก็ทำในรูปแบบ e-Roadshow ผ่านทาง VDO Conference

อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 5 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดที่เสนอขาย หรือ เกือบสามหมื่นล้านบาท และ ในบางรุ่น มีมูลค่าถึง 11 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ตามแผนการบริหารโครงสร้างทางการเงินด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และ/หรือ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินตามความเหมาะสม

ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า หุ้นกู้ที่ได้รับเรทติ้งระดับ “AA” ในช่วงภาวะวิกฤติCOVID-19 มีไม่มาก เราจึงสบายใจที่จะลงทุนกับหุ้นกู้ SPI ที่มีผลประกอบการดีมาโดยตลอด ประกอบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อทีมงานผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนและพิสูจน์ความสำเร็จมามากมายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการทำดีลซื้อและควบรวมกิจการในช่วงระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยผู้บริหารเน้นย้ำเสมอว่าจะไม่สร้างหนี้เกินตัว การลงทุนนี้จึงเปรียบเสมือนกับ Safe haven ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณค่า เช่น ทองคำ หากแตกต่างกันก็ตรงที่ผลตอบแทนแน่นอนสม่ำเสมอ