รับ 5 หมื่นคนเข้าไทย ภารกิจฮีโร่

รับ 5 หมื่นคนเข้าไทย ภารกิจฮีโร่

นับเป็นช่วงเวลาของหัวเลี้ยวหัวสำคัญกับแนวโน้มสถานการณ์โควิดในไทยต่อจากนี้ จะประสบความสำเร็จเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ กับภารกิจในเดือนกรกฎาคมนี้ ที่จะมีคนไทยและต่างชาติที่ลงทะเบียนไว้แล้วเดินทางกลับไทยอย่างน้อย 50,100 คน

การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ จะเป็นหัวเลี้ยวหัวสำคัญ จะเห็นแนวโน้มสถานการณ์โควิดในประเทศไทยจากนี้ไป ว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาหรือไม่

ประเด็นวาระหลักในการพิจารณาของ ศบค.ชุดใหญ่ เป็นเรื่องการตัดสินใจอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการชุดเล็กว่าด้วยการคลายล็อกภาคธุรกิจ กิจการ และกิจกรรมในเฟสที่ 5 ในกิจการความเสี่ยงสูงที่เหลืออยู่ ประกอบด้วยสถานบันเทิง ผับ บาร์ กับเรื่องความคืบหน้าโครงการจับคู่ประเทศที่มีสถานการณ์โควิดใกล้เคียงกัน หรือทราเวล บับเบิล

ทั้ง 2 เรื่องมีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งในเดือน ก.ค.นี้ มีคนไทยและต่างชาติที่ลงทะเบียนไว้แล้ว มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับอย่างน้อย 50,100 คน ศบค.จะต้องเตรียมแผนในการรับมือให้เป็นอย่างดี จะต้องไม่ให้เกิดความตื่นตระหนักกับคนในประเทศ

นั่นคือการเตรียมความพร้อมและวางแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เบื้องต้น ศบค.ชุดเล็กเสนอแผนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้เข้าประเทศได้ โดยมีข้อแม้กักตัว 14 วัน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือและผู้เชี่ยวชาญ ที่เหลือมีทั้งครอบครัวคนไทย อาจารย์ นักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจและคนต่างด้าว โดย 50,100 คน อยู่ในกลุ่มนี้ทั้งจำนวน

กลุ่มที่สอง ใช้มาตรการคุมไว้สังเกต ได้แก่ นักธุรกิจ นักลงทุน หรือแขกของรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยระยะเวลาสั้นๆ การจะถูกกักตัว 14 วันจึงเป็นไปไม่ได้ มีการป้องกันโดยให้ซื้อประกันสุขภาพ วงเงิน 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ และต้องตรวจเชื้อตั้งแต่ต้นทาง พอเข้ามาจะมีทีมติดตามด้านการแพทย์ติดตามคณะเดินทางด้วย ยังมีกลุ่มที่สาม นั่นคือนักท่องเที่ยวตามโครงการทราเวล บับเบิล ทั้งสองกลุ่มหลังยังไม่สามารถระบุจำนวนคน เนื่องจากอยู่ระหว่างทำข้อมูลที่ชัดเจน

เราเห็นว่าแผนการรับคนเข้ามาในประเทศ จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มิ.ย.นี้ มีความสำคัญ คนไทยต้องลุ้นว่าการจัดการรอบนี้ ศบค.จะทำได้ดีแค่ไหน จะมีประสิทธิภาพเหมือนกับที่ผ่านหรือไม่ เราเห็นว่าข้อมูลและความเห็นทางการแพทย์คือหัวใจหลักที่รัฐบาลและ ศบค.จะต้องไม่ลืมในการนำมาปฏิบัติ เราเห็นว่ากลุ่มแรกมีความจำเป็นต้องเดินตามแผนภายใต้เงื่อนไขกักตัว ส่วนกลุ่มที่สองแขกวีไอพีของรัฐบาลอาจจะต้องทยอยจำนวนหลายครั้งแบบล็อตเล็กๆ ขณะที่กลุ่มที่สาม ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวควรชะลอการเดินทางไว้ก่อน ไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มในเดือน ก.ค. อย่างน้อยช่วยป้องกันการแพร่ระบาดให้รอบคอบ และรัดกุมมากที่สุด