โบรกเชียร์ลงทุน 'หุ้นเด็ด' สู้โควิด

โบรกเชียร์ลงทุน 'หุ้นเด็ด' สู้โควิด

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจจัดสัมมนา “ส่องหุ้นไทย ฝ่าวิกฤติโควิด โดยช่วง “เบญจภาคี 5 หุ้นเด็ด สู้โควิด” โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะซื้อหุ้นปลอดภัยจากโควิด บล.ฟินันเซีย ไซรัส -หยวนต้า เชียร์ซื้อหุ้นแนวโน้มฟื้นตัวเด่น ขณะบล.กสิกร เน้นบจ.บจ.กำไรพลิกนิวไฮ

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า สำหรับธีมการลงทุนช่วงนี้บริษัทแนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 และมองว่าหุ้นดังกล่าวผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว โดยหุ้นแนะนำ คือ

1. บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ซึ่งได้รับผลดีจากการทำงานที่บ้าน ทำให้ใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น ให้ราคาเหมาะสม 210 บาท

2. บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม(ITEL) ซึ่งประกอบธุรกิจทางด้านดาต้าเซ็นเตอร์และได้ประโยชน์จาก 5G ให้ราคาเหมาะสม 2.90 บาท

3. บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เพราะประชาชนมีการดูแลสุขภาพมากขึ้น ให้ราคาเหมาะสม 23 บาท

4. บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) เพราะนักเรียนยังจำเป็นที่จะต้องมาเรียนที่โรงเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่ง ไม่สามารถที่จะเรียนออนไลน์ได้ตลอด ให้ราคาเหมาะสม 9.80 บาท 

5. บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) รับผลดีจาก บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) ขยายธุรกิจร้าน 7-11ไปกัมพูชา ทำให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ราคาเหมาะสมที่ 5.80 บาท

  

บล.กสิกรไทย : เลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก และสามารถทำนิวไฮได้ช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ธีมการลงทุนเลือกหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มาก และสามารถกลับมาทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) ได้ช่วง 1-2 ปีข้างหน้า  โดยหุ้นแนะนำ คือ 

1. บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) เพราะการซื้อเทสโก้โลตัส ให้ราคาเหมาะสม 82 บาท

2. บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) แนวโน้มผลการดำเนินงานดีขึ้น ราคาเหมาะสม 207 บาท 

3. บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) จะมีการจ่ายไฟฟ้า(COD)เพิ่ม และจ่ายปันผลสูง ราคาเหมาะสมที่ 76 บาท

4. บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) เพราะ แนวโน้มการท่องเที่ยวฟื้น และประเทศไทยมีเสน่ห์ทางด้านการท่องเที่ยว  โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 77 บาท

5. BDMS  เนื่องจากประเทศไทยโดดเด่นด้านสาธารณสุข ทำให้จะมีชาวต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลมากขึ้น ให้ราคาเหมาะสมที่ 24 บาท 

บล.หยวนต้า : เลือกหุ้นบน 2 ธีมการลงทุน

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ และประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การลงทุนในช่วงนี้จนถึง 16 ส.ค.  2563 มี 2 ธีม คือ เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มผลการฟื้นตัว ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และโรงกลั่น มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะความต้องการใช้ในช่วงไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้น ถัดมาคือกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณของการท่องเที่ยวในประเทศที่กลับมาสูงขึ้น และและกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มกลับมามีสัญญาณดีขึ้น ดังนี้ 

  • หุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และโรงกลั่น

- บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ให้ราคาเหมาะสม 48 บาท

- บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ให้ราคาเหมาะสม 50 บาท

  • หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว 

- บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ให้ราคาเหมาะสม 28.75 บาท 

  • กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

- บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) โดยให้ราคาเหมาะสม 21.50 บาท

ส่วนธีมการลงทุนอีกส่วนหนึ่ง คือ หุ้นที่จ่ายปันผลสูง แนะ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ให้ราคาเหมาะสม 64.50 บาท

บล.ไทยพาณิชย์ : แนะนำหุ้นตามความเสี่ยงที่รับได้ 

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ควรจะลงทุนในกลุ่มการแพทย์ และสาธารณูปโภค ซึ่งจะปรับตัวได้ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอ

  • รับความเสี่ยงได้ต่ำ

แนะนำ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ให้ราคาเหมาะสม 26 บาท และ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งมีกำลังการผลิตยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีหน้า และราคาหุ้นยังไม่แพง ให้ราคาเหมาะสม 95 บาท

  • รับความเสี่ยงได้สูง

ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ แนะนำ

- บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีการตั้งสำรองสูงสุด และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่มากที่สุด ให้ราคาเหมาะสม 146 บาท

- บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เป็นหุ้นปลอดภัยจากสงครามการค้า และราคาหุ้นยังฟื้นน้อย ให้ราคาเหมาะสม 30 บาท

- บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ซึ่งเป็นหุ้นที่เงินปันผลดี และมีการลงทุนในหลายธุรกิจ โดยให้ราคาเหมาะสม 9.90 บาท

โดยหุ้น 3 บริษัทหลังนี้ จะให้น้ำหนักน้อยกว่า 2 บริษัทแรก โดยเน้นซื้อเพื่อโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น