แกะรอย 'มูลนิธิป่ารอยต่อฯ' จุดนัดพบ 'ทหาร-นักการเมือง' ฐานที่มั่น 'บิ๊กป๊อม'

แกะรอย 'มูลนิธิป่ารอยต่อฯ' จุดนัดพบ 'ทหาร-นักการเมือง' ฐานที่มั่น 'บิ๊กป๊อม'

เบื้องหลังเบื้องหน้า แกะรอย มูลนิธิป่ารอยต่อฯ จุดนัดพบ "ทหาร-นักการเมือง" ฐานที่มั่น "บิ๊กป๊อม" ว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร.

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พยายามหลบฉากไม่ให้ “ลูกทีม พปชร.” จัดพิธีกรรม ส่งเทียบเชิญถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ดูเอิกเกริกมากเกินไป และป้องกันข้อครหาที่ “ขั้วตรงข้าม” เตรียมจับผิดโจมตี

แต่แล้วเมื่อรูปถ่าย “ลูกทีมพปชร.” ยืนจับมือโชว์หรา ถูกจับติดว่า มีการเทียบเชิญให้ “พล.อ.ประวิตร” มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค พปชร. โดยใช้ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แม้ไม่ได้เป็นพื้นที่ของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) แต่ก็อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

หลังมีหลักฐานชัดเจน นักร้องมือหนึ่งอย่าง “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงออกมาเคลื่อนไหวให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิฯ เข้ามาตรวจสอบการกระทำดังกล่าว ว่าอาจจะผิดวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งมูลนิธิฯ ซึ่งระบุชัดเจนว่าต้องไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง

นอกจากนี้ ยังยื่นเรื่องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนว่า การกระทำดังกล่าวฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมหรือไม่ เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานของมูลนิธิต่าง ๆทั่วประเทศ ให้ดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน

เมื่อ “ศรีสุวรรณ” จุดประเด็นร้อน บรรดา “นักรบไซเบอร์” ของขั้วตรงข้ามรัฐบาล จึงสบช่อง ปลุกกระแสย้อนรอยการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในค่าย ร.1 รอ. ขึ้นมาทันที

โดยย้อนความหลังให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” กับวังวนอำนาจ ซึ่งภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชน ทำให้ ส.ส.ต้องหาพรรคการเมืองสังกัด “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายทาบทาม “แกนนำพรรคการเมือง” โฟกัสหลัก ล็อกเป้าไปที่ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้นำ ส.ส. ย้ายขั้วมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์

นอกจากนี้ “สุเทพ” ยังทาบทามแกนนำพรรคการเมืองหลายคน เพื่อรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยกล่าวอ้างว่า “ทหาร” ไฟเขียว แต่แกนนำพรรคการเมืองไม่เชื่อว่าพูดจริง สุเทพจึงจำเป็นต้องนำแกนนำพรรคต่างๆ อาทิ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สุวิทย์ คุณกิตติ ประธานที่ปรึกษาพรรคกิจสังคม เป็นต้น เข้าพบ “บิ๊กทหาร” ใน ร.1 รอ. จนเป็นที่มาของ “รัฐบาลค่ายทหาร”

โดย “บิ๊กทหาร” ที่ถูกจับตา ว่ามีส่วนร่วมในการตั้งรัฐบาลค่ายทหาร มีชื่อ “พล.อ.ประวิตร” รวมถึง “พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา” ผบ.ทบ.ในขณะนั้น แม้ พล.อ.ประวิตร จะปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลค่ายทหาร แต่กลับปรากฏชื่อ พล.อ.ประวิตร ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์

การจัดตั้งรัฐบาลค่ายทหาร เปรียบเหมือนจุดเริ่มต้นอำนาจของ “3 ป.” ที่ พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ สร้างฐานอำนาจทางการทหารขึ้นมาใหม่ จนถูกขนานนามว่า “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” ปรับขุมกำลังพลทางทหาร ต่อยอดมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อ พล.อ.ประวิตร ปรับจังหวะก้าวทางการเมือง หวังสลัดภาพผู้นำทางการทหารมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว แถมยังเป็นว่าที่หัวหน้าพรรค พปชร. แต่กลับก้าวพลาด ใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นพื้นที่รับเทียบเชิญจาก “ลูกทีม พปชร.” แม้จะไม่ใช่พื้นที่ทหารโดยตรง แต่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ มักถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ร.1 รอ. จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะถูกนำไปขยายปม โจมตีตรงไปที่ พล.อ.ประวิตร อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร มีบาดแผลที่ไม่อาจลบให้จางหายไปได้หลายปม โดยเฉพาะปมใหญ่ “นาฬิกายืมเพื่อน” ที่มีนาฬิกาหรู 20 กว่าเรือน แม้จะถูกยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ แต่เรื่องร้องเรียนกลับถูกตีตกอย่างง่ายดาย โดยมีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.อดีตหน้าห้องคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร คอยให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ซึ่งมาพร้อมบรรทัดฐานใหม่ “ยืมใช้คงรูป” ไม่สามารถเอาผิดได้

นอกจากนี้ ยังมีปมอดีตนายตำรวจคนสนิท “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่เป็น “ลูกน้องคนสนิท” ของ พล.อ.ประวิตร มีส่วนพัวพันกับการแต่งตั้งโยกย้าย “นายตำรวจ” ที่ส่อเค้าว่า จะมีการฟ้องร้องกันภายหลัง

ขณะเดียวกัน การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร หลายครั้ง มักจะทำให้ “ขั้วตรงข้าม” นำไปขยายประเด็น เช่น เหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวชาวจีนล่ม ที่ จ.ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตหลายราย โดย พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า “เขาทำของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง” ทำให้ชาวจีนไม่พอใจ กระทั่งสุดท้าย พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษ

หลายเหตุการณ์ทำให้ พล.อ.ประวิตร เป็นตำบลกระสุนตก หาก “ขั้วตรงข้าม” คิดมุกไม่ออก มักจะหยิบประเด็นของ พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาโจมตี

แน่นอนว่า ในจังหวะก้าวขึ้นสู่ผู้นำพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล โดยใช้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นฐานปฏิบัติการของ พล.อ.ประวิตร จะถูกนำไปขยายความต่อ และอาจส่งผลให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ถูกตีตราเป็นรัฐบาลทหาร อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จุดนัดพบ "ขุนศึก-นักการเมือง"

ต่อไป มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอย 5 จังหวัด จะกลายเป็นจุดรวม ของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ทันทีที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พปชร. ตอบรับ นั่งเป็นหัวหน้าพรรค หวังสลายก๊ก ก๊วน ให้เป็นเอกภาพ ทั้งยังส่งผลให้การเมืองภายในนิ่ง สร้างเสถียรภาพของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ครบเทอม

เดิมที มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยฯ เป็นที่ทำการเพื่อประสานการ ดูแลอนุรักษ์ป่าไม้ พันธุ์พืชและสัตว์ป่าไม่ให้สูญพันธ์ ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออกของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 1.2 ล้านไร่ ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี และจังหวัดระยอง ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กป้อม” ตั้งแต่นั่งเป็น ผบ.ทบ.

ในสมัยนั้น จะมีเพียงเพื่อนๆ น้องๆ เตรียมทหารที่ใกล้ชิด รวมถึงเพื่อนโรงเรียนเซนต์คาเบรียลของ “บิ๊กป้อม” เท่านั้นที่ เข้านอก-ออกใน และ จับเข่าคุย เหตุบ้านการเมือง รวมถึงเรื่องภายในกองทัพ ไม่เว้นแม้แต่ใช้เป็นสถานที่หารือการปรับย้ายนายทหารประจำปี

แต่สถานที่ดังกล่าว กลายเป็นจุดเชื่อมต่อทางการเมืองตั้งแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตแกนนำ กปสส. หอบกุหลาบแดงช่อโต ไปเทียบเชิญ “บิ๊กป้อม” นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม สมัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี กับข้อครหา ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

จากนั้นเป็นต้นมา “มูลนิธิป่ารอยต่อฯ” ก็พลุกพล่านไปด้วย ทหาร-ตำรวจ-นักการเมือง-นักธุรกิจ มากหน้าหลายตา และหลายต่อหลายครั้ง ก็ใช้เป็น สถานที่ วางแผนแก้ไขวิกฤติ และเดินเกมการเมือง ทั้งการชุมนุมของ นปช.ปี 2553 การชุมนุมกลุ่ม กปปส. ปี 2556

หรือแม้แต่ ‘รัฐประหาร’ ปี 2557 “มูลนิธิป่ารอยต่อฯ” ก็กลายเป็น ‘กองบัญชาการ’ ย่อมๆ ให้ “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” แจกจ่ายคำสั่งผ่าน แม่ทัพภาคไปยัง ผบ.หน่วย ให้ทหารกระชับพื้นที่ และเข้าควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศ เกิดความสงบโดยเร็ว และยังใช้เป็นสถานที่จัดตั้งรัฐบาล อีกครั้ง

จากวันนั้นถึงวันนี้ บารมี “บิ๊กป้อม” แผ่ขยายถึงจุดสูงสุด แม้จะนั่งเพียงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แต่หัวกระได มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ไม่เคยแห้ง

ดูได้จากครบรอบวันสำคัญ ทั้ง วันเกิด วันปีใหม่ สงกรานต์ พื้นที่ภายในแทบแทบจะไม่มีที่ให้ยืน
“บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องรัก “บิ๊กป้อม” ได้เข้าจัดระบบเข้า-ออก มูลมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เสียใหม่

ให้เทียบเคียงกับกระทรวงกลาโหม โดยผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ถึงจะมีบัตรผ่านประตู สำหรับบุคคลภายนอก จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่มารอรับถึงจะผ่านเข้าไปได้

วันนี้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ กำลังเป็นสายล่อฟ้า ให้ขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม จับมาเป็นประเด็นอีกครั้งหลัง“ บิ๊กป้อม”เปิดห้อง รับ ส.ส.พปชร. ที่แห่ขันหมากมาเทียบเชิญให้นั่งหัวหน้าพรรค ซึ่งถูกมองว่าเป็นกิจกรรมทางการเมือง และผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิอย่างสิ้นเชิง!