'หมอเสริฐ' ยกธงขาว เลิกเทคโอเวอร์ 'บีเอช'

'หมอเสริฐ' ยกธงขาว เลิกเทคโอเวอร์ 'บีเอช'

“หมอเสริฐ” ยกธงขาว ประกาศเลิกเทคโอเวอร์ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เหตุภาวะตลาดไม่เอื้อ อีกทั้งราคาหุ้นยังรูดหนัก ลั่นถูกกล่าวหาว่าไปข่มขืน จึงตัดสินใจเลิกซื้อ

นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ “หมอเสริฐ” เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ  บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ประกาศยกเลิกแผนการเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) หุ้นบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย รวมทั้งราคาหุ้นของ BH ล่าสุด ลดลงต่ำกว่าที่ BDMS ประกาศว่าจะทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย

ล่าสุดวานนี้(23มิ.ย.) ราคาหุ้น BH ปิดตลาดที่ 116.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวม 69.49 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นที่ BDMS ประกาศจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์อยู่ที่ 125 บาท 

“เลิกคิดแล้ว หุ้นไม่ขยายตัว คิดว่าถ้าหุ้นลงไปมากๆ ต่างชาติ อย่างสิงคโปร์ จีนเข้าไปซื้อได้ แต่เราเข้าไปไม่ได้ กฎ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)กำหนดให้ซื้อได้ไม่เกิน 25% ถ้าเกินก็ทำเทนเดอร์ฯ พอทำเทนเดอร์ฯเขาก็ร้อง”นายปราเสริฐ 

นอกจากนี้ นายปราเสริฐ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนจะเข้าไปเทคโอเวอร์ก็ถูกหาว่าไปข่มขืนเขา เลยตัดสินใจไม่ซื้อ

สำหรับ แผนการเข้าเทคโอเวอร์ BH โดย BDMS เกิดขึ้นในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้น BDMS ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BH ได้ทยอยสะสมหุ้นขึ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งที่ 24.92% ก่อนจะประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) BH ที่ราคา 125 บาท เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่ม BDMS  ประกาศตั้งโต๊ะซื้อหุ้น BH ทางกลุ่มโสภณพนิช ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของ BH ต้องแก้เกมด้วยการให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ของตระกูลโสภณพนิช ใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้ของ  BH เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2563 ทำให้กลุ่มโสภณพนิชได้หุ้นของ BH เพิ่มขึ้นอีก 65.71 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 8.25% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด และส่งผลให้กลุ่มโสภณพนิช ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ BH ต่อไป

ทั้งนี้ก่อนการใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าว ทางกลุ่มโสภณพนิชมีสัดส่วนการถือหุ้นใน BH รวม 22.4% ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มBDMS แต่ภายหลัง ธนาคารกรุงเทพ ใช้สิทธิแปลงหุ้นกู้ดังกล่าวทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน BH โดยกลุ่มโสภณพนิชเพิ่มขึ้นเป็น 28.8% ขณะเดียวกันการแปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าว ยังทำให้หุ้นที่กลุ่มBDMS ถืออยู่ถูกไดรูทลงมาเหลือ 22.9% ด้วย