สงครามการค้ากดตลาด

สงครามการค้ากดตลาด

วานนี้ดัชนีปิดร่วงแรงกว่า 18.64 จุด อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีมีปัจจัยลบเฉพาะตัวจากกลุ่มแบงก์

หลังจาก ธปท.สั่งงดจ่ายปันผลระหว่างกาล-ซื้อหุ้นคืน นอกจากนี้ ตลาดทั่วโลกยังไร้ปัจจัยใหม่เข้าหนุน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,352.18 จุด (-18.64 จุด) Volume 6.6 หมื่นลบ. ต่างชาติ -3,106.15 ลบ. TFEX Net -1,361 สัญญา ตราสารหนี้ +1,692 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 153.50 จุด +0.59% ขานรับมุมมองบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวเร็วแม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 90 เซนต์ +2.3% ปิด 40.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐและทั่วโลกจะฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เปิดเศรษฐกิจและนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ

+เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกในเดือนพ.ค.

-สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองร่วงต่อเป็นเดือนที่ 3 จากผลกระทบโควิด แต่เชื่อจะเริ่มฟื้นตัว

-ภาวะการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี ในช่วง 5M63  มีมูลค่า 74,151 ล้านบาท คิดเป็น 67% ของมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งประเทศ -10%yoy

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดขยับลง 2.36 จุด -0.08% เช้าเปิดลบ 4.38 จุด จากข่าวสหรัฐคว่ำข้อตกลงการค้าจีน

+ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 41.52 จุด -0.18% เช้าเปิด +198.79 จุด ตามทิศทางดาวโจนส์

-ทองคำปรับตัวขึ้นจาก SPDR เข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 รวม 29 ตัน

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.01 แสนลบ. ค่าเงินบาท 30.96 บาท/US

*จับตาการประชุมครม. ส่วนสหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ หลังตลาดกลับมากังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ว่า ข้อตกการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ได้จบลงแล้ว ประกอบกับยังกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระยะที่ 2 ทั้งในสหรัฐและจีน  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,333-1,360 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

SSP (ซื้อ Bloomberg  9.51) สุดปลื้มเข้าคำนวณดัชนี SETCLMV บิ๊กบอส "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" มั่นใจรายได้-กำไร ปี 2563 นิวไฮ อานิสงส์บุ๊กรายได้โซลาร์ฟาร์มเวียดนาม-มองโกเลียเต็มปี แถมยัง COD โรงไฟฟ้ายามากะ เร็วกว่ากำหนด ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือกว่า 135 เมกะวัตต์ (ที่มาทันหุ้น)

          ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการใน 2Q63 เนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อนทั้งในไทย เวียดนาม และญี่ปุ่นซึ่งจะปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าช่วยหนุนราคาขายต่อหน่วยของเวียดนามและญี่ปุ่นให้สูงขึ้นขณะที่ต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ นอกจากนี้ยังมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีก 3 โครงการ 1) Leo (26MW, COD3Q21) 2)โรงไฟฟ้าพลังลมเวียดนาม(48MW, COD3Q21) และ3) Leo2 (14MW, COD 3Q22) ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตในปี 20-22 ต่อไป และอยู่ระหว่างการศึกษาโรงไฟฟ้าพลังลมที่เวียดนามอีก 40 MW เราจึงแนะนำ ซื้อ

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐออกแพ็กเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA ASAP)
  • หุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 (BPP TTW) 
  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)

หุ้นมีข่าว   

(-) ธปท. ได้สั่งการให้สถาบันการเงิน ประเมินและจัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ตลอดจนศักยภาพของลูกหนี้ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง โดยแต่ละสถาบันการเงินจะต้องส่งแผนดังกล่าวให้ธปท.ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้ ธปท.ระบุว่าจะไม่ปล่อยให้เงินกองทุนอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป โดยหากระดับเงนกองทุนลงมาเหลือ 11.5% – 12.5% จะต้องมีการหารือร่วมกัน เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการเงินกองทุน ขณะที่ปัจจุบันระดับเงินกองทุนอยู่ที่ระดับ 18.7%  (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 51.81 บาท)   เร่งเจรจาปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศกว่า 4-5 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโต ขณะที่คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-15% จากปีก่อน (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)

(+) EP (Bloomberg Consensus - บาท)  บอร์ดไฟเขียวควักกระเป๋า 300 ล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ มั่นใจหนุนรายได้ปีนี้เข้าเป้าเติบโต 30% จากปีก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) “ศรีตรังโกลฟส์” เคาะราคาขายไอพีโอหุ้นละ 34 บาท หลังความต้องการนักลงทุนสถาบันท่วมท้น กำหนดเปิดขายระหว่างวันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ และดีเดย์เข้าเทรดใน SET วันที่ 2 ก.ค. 63 ปักธงปี 75 ขยายกำลังผลิต 1 แสนล้านชิ้น/ปี (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) IHL (Bloomberg Consensus - บาท)  เปิดไลน์ผลิตเบาะหนังรถยนต์เต็มพิกัด เตรียมส่งขายภายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ มั่นใจอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มกลับมาผลิตมากขึ้นในไตรมาส 3/63 อานิสงส์โควิด-19 คลี่คลาย-รัฐบาลทยอยปลดล็อกดาวน์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) คลังเร่งททท.สรุปแพลตฟอร์มลงทะเบียนเที่ยวปันสุข, เราไปเที่ยวกัน และกำลังใจ เสนอครม.ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ก่อนเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 ก.ค. การันตีไม่ซับซ้อน ประชาชนและผู้ประกอบการ โรงแรม และร้านอาหารใช้ง่าย ด้านททท.เตรียมเสนอแผนฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) FSMART (Bloomberg Consensus  - บาท) ชี้จุดเปลี่ยนอีก 1-2 ปีข้างหน้า ใส่เกียร์ให้บริการธุรกรรมทางการเงินดันฐานเติบโตมากกว่า 50% เล็งเพิ่มบริการใหม่อีกเพียบ สบช่องหลังโควิด-19 คลี่คลายพร้อมกดปุ่มปล่อยสินเชื่อทันที แย้มครึ่งปีหลังเตรียมเพิ่มตู้ขายสินค้าอัตโนมัติอีก 2-3 พันตู้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ICN (Bloomberg Consensus  - บาท) ยิ้มแก้มปริบริษัทร่วมทุนคว้างานติดตั้งวงจรกรองสัญญาณ 850 MHz มูลค่า 1.84 พันล้านบาท คาดเซ็นสัญญาจ้างภายในกรกฎาคมนี้ ด้าน TIGER ไม่น้อยหน้าคว้างานใหม่ 2 โครงการมูลค่ารวม 680 ล้านบาท ฟากผู้บริหารมั่นใจดันผลงานปีนี้โต 25%  (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DELTA (Bloomberg Consensus 42.87 บาท) ฉายแววครึ่งหลังปี 2563 ออเดอร์พุ่ง ยุโรป-จีน ทยอยส่งคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น มีลุ้นไตรมาส 3/2563 ปิดดีลรายใหญ่หนุนพอร์ต พร้อมคงเป้ารายได้ปี 2563 เติบโตราว 5-10% ลุยปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องจักรหวังเพิ่มกำลังผลิตและเสริมแกร่งอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)

(+/-) W (Bloomberg Consensus - บาท)  จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 2.82 พันล้านหุ้น ขาย RO 1:0.3 ที่ราคา 0.12 บ./หุ้น รองรับแผนซื้อ DOMINO'S PIZZA  (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)