ยันกลางศาล 'บรรยิน' ปฏิเสธแหกคุก ตั้ง 2 ข้อหา-เรียกลูกสอบ

ยันกลางศาล 'บรรยิน' ปฏิเสธแหกคุก ตั้ง 2 ข้อหา-เรียกลูกสอบ

จัดทีมหนุมานคุมเข้ม เบิกตัว “บรรยิน” ขึ้นศาลตรวจพยานคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา “เจ้าตัว” ยันกลางศาล ปฏิเสธแผนแหกคุก ขณะที่กองปราบชี้หลักฐานมัดแม้ดำเนินการไม่สำเร็จ เตรียมแจ้ง 2 ข้อหา จ่อเรียกสอบลูกชาย-ทนายความ

ความคืบหน้าคดีวางแผนแหกคุกของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ มีความเคลื่อนไหว วานนี้(22 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่เรือนจำเบิกตัวพ.ต.ท.บรรยิน จากเรือนจำกลางบางขวางเพื่อเดินทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 

ซึ่งนัดตรวจพยานหลักฐานคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีข่าววางแผนแหกคุกทางกรมราชทัณฑ์ ได้นำชุดปฏิบัติการพิเศษเรือนจำบางขวาง พร้อมด้วย หน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบปรามกว่า20นาย และอาวุธครบมือ ประจำการทางเข้าออกที่เรือนจำกลางบางขวางเพื่อคุมตัว พ.ต.ท.บรรยินมาศาล 

นอกจากนี้ระหว่างทางได้มีรถของตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดหนุมาน จำนวน7คัน คุมเข้มมาตลอดเส้นทาง โดยพ.ต.ท.บรรยิน อยู่ในรถควบคุมผู้ต้องขังของเรือนจำเพียงคนเดียว เมื่อถึงศาลเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปที่ห้องขังด้านหลังศาลทันที ท่ามกลางกำลังชุดหนุมาน  2 คันรถตู้

       ทั้งนี้ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ อดีตผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนโกงหุ้นเสี่ยชูวงษ์ ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ อ้างว่าเป็นผู้เสียหายที่ถูกจำเลยที่ 1 กับพวก กระทำความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่5คนขึ้นไป

      สอบโจทก์แล้วแถลงว่าน.ส.พนิดา เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานดังกล่าวจริง ไม่ค้านที่จะเข้าร่วมเป็นโจทก์

ส่วนการพิจารณาจะเป็นไปในทางลับ และไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดี มีเพียงคู่กรณีเท่านั้น ส่วนสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ฟังการถ่ายทอดกระบวนการพิจารณาผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่จัดเตรียมไว้ให้

ศาลสอบคำให้การจำเลยที่ 1ตามคำให้การดังกล่าว จำเลยที่ 1 แถลงให้การปฏิเสธ อ้างว่าถูกจำเลยที่ 2-6 กลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ตามวัน เวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง 

โดยจะนำสืบอ้างฐานที่อยู่ทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน และทนายจำเลยที่ 4 และที่ 5 กับทนายจำเลยที่ 6 ยื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 25 มิ.ย.นี้

แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอคัดถ่ายเอกสารที่โจทก์อ้างส่ง และได้รับเอกสารไปนานพอสมควรแล้ว ทั้งเหตุที่อ้างในคำร้องนั้น ไม่ใช่เหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่ด้วยข้อจำกัดของจำเลยที่ถูกขังในเรือนจำ จึงอนุญาตให้ยื่นคำแถลงโต้แย้งพยานหลักฐาน เเละแนวทางการเสนอพยานหลักฐาน และความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานหลักฐาน ภายใน 60 วัน นับแต่วันนี้

โดยในระหว่างที่ พ.ต.ท.บรรยินกำลังเดินทางกลับเรือนจำบางขวาง ได้หันมาชู 3 นิ้วสัญลักษณ์ “โอเค” ให้กับสื่อมวลชนที่รอบันทึกภาพ

“บรรยิน”ยันศาลปฏิเสธแหกคุก

      ทั้งนี้ระหว่างนำตัวเข้ามาที่บัลลังก์ พ.ต.ท.บรรยิน มีสีหน้าเป็นปกติ ตอนหนึ่งในแถลงต่อศาล พ.ต.ท. บรรยินปฏิเสธว่าไม่ได้วางแผนแหกคุก และบอกว่าเครียดจนต้องผูกคอตายในห้องขัง

ขณะที่การคลี่คลายคดีวางแผนแหกคุกหลังชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.)พบอดีตผู้ต้องขังในเรือนจำเดียวกัน เกี่ยวข้อง 2 คนคือนายสุธนหรือโจ และนายณัฐพล หรือท๊อป อ้างว่า พ.ต.ท.บรรยินให้ทนายความมาประกันตัวออกจากเรือนจำเพื่อดำเนินการตามแผน แต่แผนแตกเสียก่อน

     ล่าสุดพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนพบแผนประทุษกรรมทั้งหมด ซึ่งแผนมีอยู่สองแผน คือการชิงตัวระหว่างมาศาลพระโขนงที่บนทางด่วน และหากไม่สำเร็จให้อุ้มตัวภรรยาผบ.เรือนจำเป็นตัวประกัน

ตั้ง2ข้อหาแหกคุก-เรียกลูกสอบ

     ส่วนกรณีที่ว่าจะมีการนำฮ.โรยตัวหรือระเบิดกำแพงตามที่สื่อบางสำนักเสนอ เป็นเพียงคำพูดที่ได้มีการพูดคุยกับนายกอล์ฟ ไม่ได้มีการเป็นกิจจะลักษณะ

     สำหรับขั้นตอนจากนี้จะเรียกสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะลูกชายไปเกี่ยวกับนายท็อป และทนายความที่เข้าไปประกันตัวนายโจ

     นอกจากนี้เตรียมจะเรียกสอบพ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีตส.ส.นครสวรรค์ในฐานะพยาน หลังพบความเกี่ยวโยงว่ามีการถูกชักชวนให้ร่วมก่อเหตุภายในสัปดาห์นี้

      ส่วนการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน นั้นเข้าข่ายกระทำผิดข้อหา“กระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง”มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ“เป็นผู้ใช้ จ้างวานผู้อื่นกระทำผิด”มีพฤติกรรมเป็น ผู้ใช้,จ้างวาน มีโทษ 1ใน 3 ของความผิด แม้เหตุดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้โดยไม่มีเจ้าทุกข์ แต่หลังประชุมจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง