กลุ่มแบงก์กดดัน

กลุ่มแบงก์กดดัน

คาดดัชนีจะสลับรีบาวด์ขึ้นได้จากแรงหนุนกลุ่มพลังงานและปิโตรฯตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ 40 US/Barrel

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ลดลง 2 จุด (-0.16%) ปิดที่ 1,371 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นผลจาก FTSE ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นหลังนักลงทุนคลายกังวลกับปัญหา Trade war ระว่างจีนกับสหรัฐหลังมีข่าวจีนเตรียมเร่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,037 ล้านบาท  ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,131 ล้านบาท และ Net Short TFEX SET50  9,418 สัญญา 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,350 – 1,355 จุดก่อนจะสลับดีดตัว จากข่าวลบกลุ่มธนาคารหลังธปท.สั่งธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปี 2563 พร้อมงดการซื้อหุ้นคืนพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งจากผลกระทบ Covid-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปัญหา Npl มีโอกาสเร่งตัวขึ้นมาก นอกจากนี้ความกังวลการระบาดรอบสองของไวรัส Covid-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในบราซิล สหรัฐและอินเดีย อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ขึ้นได้จากแรงหนุนกลุ่มพลังงานและปิโตรฯตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ 40 US/Barrel หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐลดลง 10 แท่น สู่ 189 แท่นและกลุ่มโอเปกพลัสเดินหน้าลดการผลิตน้ำมันลงอีก รวมถึงแรงซื้อกองทุน SSFX เพื่อสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA, RCL, AMA, PRM) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นแรง

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BAM (ปิด 25.50 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 29.5) แบงก์กำลังมีปัญหา, NPLs กำลังเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์อย่าง BAM เพราะจะเข้าซื้อหนี้ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
  • INTUCH (56.50 ซื้อ/เป้า 74) ผลประกอบการได้รับผลกระทบจาก Trade war และ Covid-19 จำกัด ทำให้ INTUCH ยังสามารถจ่ายปันผลได้เต็มที่ โดยปีนี้คาด INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 2.48 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 4.4% ขณะที่วันนี้คาดว่าจะเห็นการ Rotation เงินลงทุนจากกลุ่มธนาคารซึ่งถูกห้ามจ่ายปันผลระหว่างกาลมายังหุ้น INTUCH หรือ ADVANC ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลทดแทน

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (ปิด 61.5 ถือ/เป้าใหม่ 60 เดิม 56), IVL (ปิด 29 ซื้อ/เป้า 38)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) คำสั่งนี้มองได้ทั้งด้านดีและร้าย โดยด้านร้ายเสมือนว่า แบงก์ชาติเห็นตัวเลข หรือสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและฐานะการเงินของธนาคารพาณิชย์เริ่มมีปัญหา อาทิ คุณภาพสินทรัพย์หรือลูกหนี้กำลังอ่อนแอมีโอกาสเกิดหนี้เสีย (NPLs) จำนวนมากจึงต้องเตรียมสภาพคล่องไว้รองรับ ส่วนด้านดี คือ ฐานะการเงินของธนาคารพาณิชย์โดยรวมยังดี ยังไม่มีปัญหาจนต้องเป็นห่วง แต่การออกคำสั่งดังกล่าวเพียงต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาวว่าหากเกิดความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจขึ้นจริงๆ ธนาคารพาณิชย์ยังมีสภาพคล่องเพียงพอและสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ในระยะยาวโดยที่ไม่ต้องรบกวนผู้ถือหุ้น (เพิ่มทุน) แน่นอนคำตอบของทั้ง 2 ปัญหานี้ย่อมไม่มีใครรู้ (มีแค่การคาดการณ์) แต่ที่แน่ๆ วันนี้ผลกระทบต่อราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารคงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะคำสั่งดังกล่าวย่อมสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากเงินปันผล เมื่อไม่มีเงินปันผลย่อมจูงใจให้นักลงทุนขายออกโดยเฉพาะธนาคารขนาดกลางที่มีการจ่ายปันผลสูงอาทิ KKP และ TCAP และจะเห็นการ Switch เงินลงทุนไปยังหุ้นอื่นๆ ที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลในระดับเดียวกัน อาทิ INTUCH และ ADVANC
  • (-) 2 ธปท.เปิดเผยรายละเอียดสำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เฟส 2 ประกอบด้วย 3 มาตรการหลักคือ พักหนี้, ลดดอกเบี้ย และ เพิ่มวงเงิน โดยมาตรการพักหนี้เป็นการขยายเวลาจากมาตรการเดิมที่กำลังจะหมดอายุ ส่วนมาตรการลดดอกเบี้ยเป็นการลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปลง 2-4% อาทิ บัตรเครดิตลดเพดานดอกเบี้ยจาก 18% เป็น 16%, บัตรกดเงินสดลดจาก 28% เป็น 25% และ สินเชื่อจำนำทะเบียนลดจาก 28% เป็น 24% และสุดท้ายเป็นมาตรการเพิ่มวงเงินให้กับลูกหนี้ที่มีประวัติการณ์ชำระเงินดีและมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 30,000 บาทจะได้รับวงเงินเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.5 เท่าเป็น 2 เท่า ระยะเวลา 1 ส.ค.-31 ธ.ค.2021 ปัจจัยนี้เป็นลบต่อกำไรผู้ประกอบการจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการคิดดอกเบี้ยเต็มเพดาน อาทิ KTC และ AEONTS ส่วนผลกระทบต่อราคาหุ้นยังเป็นลบแต่จะลดลงในกรอบจำกัดหลังจากที่ลดลงสะท้อนปัจจัยนี้ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • (-) Covid -19 WHO Second wave วานนี้ WHO รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 183,020 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 8.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตรวมที่ 4.6 แสนราย โดยบราซิลมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดประมาณ 5.4 หมื่นรายต่อวัน ขณะที่การระบาดรอบ 2 (Second wave) ในสหรัฐยังไม่คลี่คลาย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในรัสเท็กซัส ฟอริดา และแคลิฟอเนียยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุด WHO ยังออกมาเตือนว่าการระบาดของไวรัส Covid -19 กำลังเข้าสู่เฟสที่อันตราย จากการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว และประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยง