ลุยหุ้น NASDAQ ผ่าน 'กองทุนไทย'

ลุยหุ้น NASDAQ ผ่าน 'กองทุนไทย'

หลายคนที่ติดตามการลงทุนน่าจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า ดัชนีหุ้นสหรัฐเป็นหนึ่งในกลุ่มดัชนีที่ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น หลังจากที่ดิ่งลงแรงในช่วงที่วิกฤติโควิด-19 ระบาดหนัก ไม่ว่าจะเป็นดัชนี Dow Jones, S&P500 และ NASDAQ แต่ถ้าไล่พิจารณาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันมีกองทุนมากมายจากทั่วโลกที่นำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นในตลาด NASDAQ และหนึ่งในนั้นคือ Invesco QQQ Trust ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีดิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล หรือ K-USXNDQ-A(D) นำเงิน 95.69% ของกองทุนไปลงทุนด้วยตั้งแต่ปี 2556

ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุน ณ 17 มิ.ย. 2563 สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมา ทำได้ 16.27% ต่อปี ในขณะที่กองทุน Invesco QQQ มีผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 18.94% สำหรับช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นโยบายการลงทุนของ K-USXNDQ-A(D) คือการลงทุนในกองทุน Invesco QQQ ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินกองทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2.18 พันล้านบาท โดยกองทุนหลักดังกล่าวเป็นกองทุนอีทีเอฟ ที่ลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นดัชนี NASDAQ-100 โดยใช้นโยบายลงทุนเชิงรับ เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี

พอร์ตการลงทุนของ Invesco QQQ ในปัจจุบัน โดยหลักอยู่ในธุรกิจเทคโนโลยีการสื่อสาร 47.64% ธุรกิจบริการการสื่อสาร 20.45% ถัดมาคือธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย 16.82% โดยมีหุ้นหลักในพอร์ต ได้แก่ Apple 11.92%, Microsoft 11.45%, Amazon 10.19%, Alphabet 7.70%, Facebook 4.39%, Intel 2.56%, NVIDIA 2.23%, Adobe 1.98% และ Netflix 1.94%

นอกจากผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนแล้ว กองทุน K-USXNDQ-A(D) ยังให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล ซึ่งกำหนดจะจ่ายปีละไม่เกิน 4 ครั้ง โดยระหว่างปี 2557 – 2562 ที่ผ่านมา กองทุนจ่ายปันผลรวมต่อปีเท่ากับ 3.1 บาทต่อหน่วย 1.05 บาทต่อหน่วย 0.8 บาทต่อหน่วย 0.95 บาทต่อหน่วย 0.80 บาทต่อหน่วย และ 0.85 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ ส่วนปี 2563 จ่ายไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 0.60 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ กองทุน K-USXNDQ-A(D) จัดเป็นกองทุนความเสี่ยงสูง โดยอยู่ในระดับ 6 จากทั้งหมด 9 ระดับ โดยกองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงสุดในช่วง 5 ปี คือ 29.47% ขณะที่ความผันผวนของผลการดำเนินงาน (SD) คือ 21.33% ต่อปี และความผันผวนของส่วนต่างผลการดำเนินงานกับดัชนีชี้วัด (Tracking error) อยู่ที่ 3.15% ต่อปี ขณะที่การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนนั้น กองทุนจะใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับค่าใช้จ่ายของกองทุน K-USXNDQ-A(D) แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายรวม 0.52% ต่อปี ขณะที่ค่าธรรมเนียมในการขายหน่วยลงทุนอยู่ที่ 0.15% โดยที่กองทุน K-USXNDQ-A(D) จะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจาก Invesco QQQ อีก 0.2% ต่อปี

โดยภาพรวมแล้ว การลงทุนผ่านกองทุน K-USXNDQ-A(D) มีความน่าสนใจในแง่ของโอกาสในการลงทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีธุรกิจอยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก และในช่วงวิกฤติโควิด-19 นี้ ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งได้ดีในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนในระดับ 15-20% ต่อปี ของกองทุนหลักตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ก็ช่วยยืนยันในเรื่องดังกล่าว