โบรก ลุ้น 'วินโดว์เดรสซิ่ง' ดันดัชนีปิดไตรมาส 2 เด้ง

โบรก ลุ้น 'วินโดว์เดรสซิ่ง' ดันดัชนีปิดไตรมาส 2 เด้ง

โบรกเกอร์ คาดกองทุนทำ "วินโดว์เดรสซิ่ง" ปิดไตรมาส 2/63 หนุนดัชนีหุ้นไทยปลายเดือนมิ.ย.ฟื้น หลังพบสถิติ 10 ปีย้อนหลัง เม็ดเงินกองทุนมักไหลเข้าเฉลี่ยกว่า 8.4 พันล้านบาท-อานิสงส์แรงซื้อกองทุนรวม "เอสเอสเอฟเอ็กซ์" ช่วงโค้งสุดท้าย

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส  จำกัด เปิดเผยว่า  คาดดัชนีตลาดหุ้นไทย ในช่วงที่เหลือของเดือนมิ.ย.นี้มีโอกาสเคลื่อนไหวในแดนบวกสูง เนื่องจากประเมินว่าตลาดน่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศในการทำราคาเพื่อปิดงวดบัญชี (วินโดว์เดรสซิ่ง) โดยพบว่าในช่วง 10 วันสุดท้ายในเดือนมิ.ย.ของทุกปี ดัชนีหุ้นไทยมักปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.63% มากถึงจำนวน 7 ครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าช่วงปลายเดือนมิ.ยนี้ดัชนีฯมีโอกาสขึ้นไปอยู่ระดับ 1,380 จุดได้

ทั้งนี้จากการเก็บข้อมูลย้อนหลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าสถิติการทำวินโดว์เดรสซิ่งของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ มักมีแรงซื้อหุ้นไทยในช่วงกลางปีและท้ายปี (ปลายมิ.ย.และปลาย ธ.ค.ของทุกปี) โดยมีเม็ดเงินไหลเข้ามากที่สุดปลายเดือนธ.ค. มูลค่าเฉลี่ยประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงซื้อเกิดขึ้นจำนวน 9 ใน 10 ปี และมีเม็ดเงินไหลเข้าในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ราว 8.4  พันล้านบาท จำนวน 8 ใน 10 ปี

ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 1-18 มิ.ย.2563 นักลงทุนสถาบันมีแรงซื้อสะสมเพียง 1.48 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเดิมที่ราว 8.4 พันล้านบาท จึงคาดมีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก ประกอบกับคาดตลาดจะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ (SSFX) ที่จะกระจุกเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหมดเขตซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้  ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนเข้าซื้อเพียง 3 พันล้านบาท

นอกจากนี้คาดว่าเม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันที่ไหลจากเข้ามานั้น ส่วนใหญ่มักจะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาด ฝ่ายวิจัยจึงได้คัดเลือก 10 หุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของเม็ดเงินกองทุนมีโอกาสเข้าซื้อมากที่สุด ได้แก่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC),บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC),บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS),บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH),บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP),บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT),บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC),บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL),บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และบมจ. ทีทีดับบลิว (TTW)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า จากการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายเดือนของทุกไตรมาสย้อนหลังนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกปี 2552 เป็นต้นมา พบว่าไตรมาส 1 มีโอกาสเกิดวินโดว์เดรสซิ่งประมาณ 67% ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.2%, ไตรมาส 2 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทน 1.4%, ไตรมาส 3 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.5% และไตรมาส 4 มีโอกาสเกิด 64% ให้ผลตอบแทน 0.0%