'ปิดทองหลังพระ' หนุนทำวิจัยปลูกผักในโรงเรือนส่งโมเดิร์นเทรด - โฮมเดลิเวอรี่ เพิ่มรายได้เกษตรกร

'ปิดทองหลังพระ' หนุนทำวิจัยปลูกผักในโรงเรือนส่งโมเดิร์นเทรด - โฮมเดลิเวอรี่ เพิ่มรายได้เกษตรกร

"ปิดทองหลังพระ" หนุนปลูกผักในโรงเรือนส่งโมเดิร์นเทรด - โฮมเดลิเวอรี่ เพิ่มรายได้เกษตรกร มอบหมายสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ช่วยทำวิจัยการปลูกผักในโรงเรือนชี้ทำได้ง่าย ได้ราคาดี มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ศึกษาระบบการปลูกผักในโรงเรือน แก้ปัญหาภัยแล้ง เพื่อหารูปแบบ แนวทาง ในการขยายผลการทำเกษตรแบบ “ทำน้อย ได้มาก”ให้กับผู้ที่สนใจ

การศึกษาดังกล่าว เกิดจากการที่สถาบันฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการปลูกผักในโรงเรือน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ให้กับเกษตรกรต้นแบบ 10 ราย ในพื้นที่โครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนอ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรประมาณเดือนละ 3,000 บาทต่อราย



สถาบันฯ เห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน จึงได้มอบหมายให้สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์และมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ทำการศึกษาและวิจัยโครงการปลูกผักโรงเรือนแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อเป็นโมเดลขยายผลให้กับผู้ที่สนใจ ได้แก่ รูปแบบและแนวทางการปลูกผักในโรงเรือนที่เหมาะสม ปัจจัยความสำเร็จต่อการเจริญเติบโตของผักในโรงเรือนแต่ละฤดูกาล การยกระดับการผลิตผักที่มูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดโมเดิร์นเทรด รูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมและความคุ้มค่าที่เกษตรกรจะได้รับ โดยจะใช้ระยะเวลาในการศึกษา 1 ปี

นายมนตรี คงตระกูลเทียน คณบดีคณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า โครงการปลูกผักในโรงเรือนฯ เป็นการนำความรู้ทางทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ เมื่อเกษตรกรได้ลงมือทำพบปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไขเกิดความรู้ใหม่ๆ สถาบันฯ จะนำความรู้และหาเทคโนโลยีใหม่ที่มีอยู่มาช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือ ให้ขยายไปได้ หวังให้เกิดภาพใหม่ คือการค้าที่ให้รายได้ดีขึ้น เช่น home delivery ที่จะส่งสินค้าอย่างไรให้ไปสู่ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง