อ่อนตัว

อ่อนตัว

Selective Buy/Sell (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :

คาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1380 / 1388 จุด แนวรับ 1358 / 1353 จุด เพราะนักลงทุน ส่วนใหญ่ยังคงวิตกต่อการระบาดรอบสองในจีนและสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ต้องมีการ lockdown รอบใหม่ และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติกว่า 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก FTSE Rebalance วันนี้ ส่วนปัจจัยบวก คือ แรงซื้อเก็งกำไรกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ หลังราคาหุ้นร่วงลงมากสัปดาห์นี้

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่

          1) ตลาดวิตกต่อการระบาดรอบใหม่ในสหรัฐฯ หลังหลายรัฐสั่งให้สวมหน้ากากและอาจ กักตัว 14 วัน หากมาจากรัฐที่ติดเชื้อสูง ส่วนจีนเผยควบคุมการระบาดได้แล้ว

          2) กลุ่มสถาบันการเงินและไฟแนนซ์อาจมีแรงซื้อคืน หลังคาดผลกระทบของมาตรการธปท. ต่อผลกำไรมีจำกัด

          3) BOE สร้างความผิดหวังให้ตลาด โดยไม่ส่งสัญญาณขยายการทำ QE ออกไปจนถึง ปีหน้า และไม่ส่งสัญญาณต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-สุนทรพจน์ประธานเฟดและประธาน สาขาคลีฟแลนด์, EU-ผู้นำประชุมหารือเรื่องกองทุน Recovery Fund วันที่สอง, EU-ดุลบัญชีเดินสะพัด เดือน เม.ย. คาด 26.8 พันล้านยูโร (Vs เดือน มี.ค. 40.7 พันล้านยูโร)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบ 1358-1377 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1372.98 จุด -3.20 จุด -0.23% วอลุ่ม 7.02 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มธนาคาร -2.1% ขนส่ง -1.2% ส่วนกลุ่มปิดบวก คือ มีเดีย +3.2% รับเหมาฯ +2.4% หลักทรัพย์ที่พุ่ง >4% ได้แก่ KCE CK ESSO PLANB SIRI PSL TFG THCOM ขณะที่ร่วงแรง >4% TISCO KKP TCAP

- ตลาดหุ้นโลกปิดคละ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ นำขึ้นโดยกลุ่มพลังงาน และนำลงโดยกลุ่มสายการบินและค้าปลีก DJ -0.15% S&P500 +0.06% Nasdaq +0.33% หลังรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สูงกว่าคาดการณ์ (1.5 ล้าน Vs คาด 1.3 ล้าน) และสูงกว่าระดับ 1 ล้านราย เป็นสัปดาห์ที่ 13 แม้ผ่อนคลาย lockdown แล้ว แต่ภาวะธุรกิจในเขตมิดแอตแลนติคเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้นแรงเป็น 27.5 (Vs -43.1 ในเดือน พ.ค.) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปกลับมาปิดร่วง DAX -0.8% CAC -0.75% FTSE -0.47% นำลงโดยกลุ่มการเงิน กลุ่มเหมืองแร่ เพราะวิตกการระบาดรอบสองในสหรัฐฯ และจีน กระทบต่อเศรษฐกิจโลก

+ น้ำมันดิบปิดบวก แต่ทองคำปิดลบเล็กน้อย: WTI +USD0.88 ปิด USD38.84/บาร์เรล Brent +USD0.80 ปิด USD41.51/บาร์เรล ขานรับข่าว JMMC ระบุว่ากลุ่มโอเปคพลัสปรับลดการผลิตในสัดส่วน 87% ในเดือน พ.ค. ราคาทองคำอ่อนตัวเล็กน้อย –USD4.50 ปิด USD1,731.10/ออนซ์

ประเด็นสำคัญ

- COVID-19 Update ณ วันที่ 18 มิ.ย.: สรุปผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกล่าสุดกว่า 8.36 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 4.5 แสนราย โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสูงสุดมากกว่า 2.16 ล้านราย เสียชีวิตมากกว่า 1.18 แสนราย

+ ไทย: ศบค. รายงานวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อใหม่ 6 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สะสม 3,141 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในสถานกักกัน มาจากซาอุฯ 5 ราย และอินเดีย 1 ราย (ทำให้ไม่มีผู้ติดเชื้อจากในประเทศต่อเนื่อง 24 วันแล้ว) แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

- WHO: รายงาน ณ วันที่ 18 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในจีน 36 ราย ญี่ปุ่น 40 ราย เกาหลีใต้ 59 ราย สหรัฐฯ 2.79 หมื่นราย บราซิล 3.49 หมื่นราย อินเดีย 1.28 หมื่นราย

- USA: Washington Post รายงาน 9 รัฐทางใต้และตะวันตก มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 วัน

- China: หัวหน้านักระบาดวิทยาฯ หวู่ ซุนหยู เผยจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในกรุงปักกิ่งได้แล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อจะปรับลดลงตามลำดับ

+ UK: ผลประชุม BOE มีมติตามคาด เพิ่มวงเงิน QE อีก 1 แสนล้านปอนด์ เป็น 7.45 แสนล้านปอนด์ หลังจากซื้อไปแล้ว 5.98 แสนล้านปอนด์ แต่ไม่ส่งสัญญาณขยายมาตรการทำ QE ออกไปจนถึงปีหน้า สร้างความผิดหวังให้ตลาด

- ไทย (อู่ตะเภา): กลุ่มบีทีเอส BTS-STEC-BA เซ็นสัญญาอู่ตะเภาวันนี้ โครงการมูลค่า 3 แสนล้านบาท เบื้องต้นเฟสแรกก่อสร้าง 2 หมื่นล้านบาท - FTSE: FTSE Rebalance จะมีผลอิงราคาปิดวันนี้ ซึ่งรอบนี้น้ำหนักของตลาดหุ้นไทยลดลงสู่ 2.98% จาก 3.05% (คาดมีเม็ดเงินขายรวม USD121ล้าน)

- ไทย (กลุ่มสถาบันการเงิน): มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของธปท. ทั้งลดดอกเบี้ยและยืดหนี้ คาดส่งผลกระทบสูงสุดต่อ TISCO KKP TMB BAY KTC SAWAD แต่มีผลกระทบน้อยต่อ BBL MTC

แนะนำ Selective Buy/Sell (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CPALL PTTGC ADVANC

หุ้นแนะนำซื้อเก็งกำไร: BEM GPSC INTUCH JMT KBANK MTC PTTGC TOP PSL KCE Derivatives: แนะถือสถานะ Long USDM20 รอทำกำไรตามเป้า (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)