เลือกเล่นรายตัว

เลือกเล่นรายตัว

ติดตามการประชุมของคณะมนตรียุโรปเกี่ยวกับการระดมเงิน 7.50 แสนล้านยูโรเพื่อใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน วงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโรในช่วงปี 2564-2570

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลง 3.20 จุด (-0.23%) ปิดที่ระดับ 1,373 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.0 หมื่นล้านบาท  ตามทิศทางตลาดต่างประเทศจากความกังวลไวรัส Covid-19 กลับมาระบาดรอบสอง (Second wave) หลังจาก สหรัฐมีผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่เร่งตัวขึ้น นอกจากนี้นักลงทุนยังกลับมากังวลกับปัญหา Trade war หลังจาก ทรัมป์ลงนามกฎหมายคว่ำบาตรจีนกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ซึ่งจีนเตรียมตอบโต้กฏหมายดังกล่าว ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,463 ล้านบาท  และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,819 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX SET50  8,832 สัญญา 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,365 – 1,380 จุด จากปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้าโดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นหลังเดือนพ.ค.กลุ่มโอเปกพลัสได้ปฎิบัติตามข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วันไปแล้ว 87% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ อย่างไรก็ตามความกังวลไวรัส Covid-19 จะกลับมาแพร่ระบาดรอบสองหลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น 2.8 หมื่นราย ประกอบกับข่าวลบกลุ่ม Bank และ Finance ที่ธปท.จะขอความร่วมมือสถาบันการเงินปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในส่วนของบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล จำนำทะเบียนรถ และเช่าซื้อซึ่งจะกระทบต่อรายได้และกำไรของกลุ่ม อีกทั้งช่วงปิดตลาดวันนี้ FTSE All World จะปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลงจาก 3.05% เหลือ 2.98% หรือราว 3.7 พันลบ.จะกดดันต่อภาวะตลาด

** วันนี้ (19 มิ.ย.) ติดตามการประชุมของคณะมนตรียุโรปเกี่ยวกับการระดมเงิน 7.50 แสนล้านยูโรเพื่อใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน วงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโรในช่วงปี 2564-2570

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC, IRPC, SPRC, IVL) อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  (CKP, TASCO, STA, RS)
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA, RCL, AMA, PRM) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นแรง

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BAM (ปิด 25.25 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 29.5) แนวโน้มเศรษฐกิจไม่ดี NPLs มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น เป็นโอกาสของผู้ประกอบการติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์ จากการเข้าซื้อ NPLs ในราคาที่ถูกลง (แย่งกันขาย) หนุนพอร์ตลูกหนี้ในมือเพิ่มขึ้นรอออกดอกผลเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมี Sentiment บวกจากการได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี FTSE Mid cap รอบใหม่โดยใช้ราคาปิดวันนี้
  • GPSC (ปิด 80 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 95) ปลอดภัยจาก Covid-19 และ Trade war อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่วานนี้ได้ Sentiment บวกหลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ต้องการให้ EGAT เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในประเทศให้ไม่ต่ำกว่า 51% ช่วยปลดล็อก overhang และเพิ่ม upside หรือ Growth story ให้กับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าในประเทศ

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 191 ซื้อ/เป้า 230), PLANB (ปิด 6.3 ซื้อ/เป้า 7.8), TRUE (ปิด 3.74 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 3.9), Transportation sector

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) FTSE ปรับคำนวนดัชนีรอบใหม่ และลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีผลโดยใช้ราคาปิดวันนี้: การซื้อขายวันนี้อาจจะมีความผันผวนในช่วงท้ายตลาดเนื่องจากดัชนี FTSE จะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนและมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่เข้าและออกจากดัชนีรอบใหม่โดยใช้ราคาปิดของตลาดในวันนี้และเริ่มมีผลในวันที่ 22 มิ.ย. 2020 โดยดัชนี FTSE SET Large Cap Index มีหุ้นเข้าใหม่คือ CRC, DIF ส่วน LH MINT ถูกปรับออก ขณะที่ดัชนี FTSE Mid Cap Index มีหุ้นเข้าใหม่ 6 หลักทรัพย์ ACE BAM IMPACT LH MINT และ TQM ส่วน DIF ถูกปรับออก DIF (ย้ายไป Large Cap) นอกจากนี้ FTSE ยังลดน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในดัชนี FTSE All word ลงจาก 0.709% เป็น 0.705% และดัชนี FTSE EM ลดลงจาก 3.05% เป็น 2.98% การลดน้ำหนักครั้งนี้คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลออกประมาณ 3,500-3,700 ล้านบาท กระทบหุ้นในกลุ่ม Big Cap ที่คาดว่าจะถูกลดน้ำหนักการลงทุนด้วยอาทิ PTT CPALL SCC AOT และ ADVANC
  • (+) BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ตามคาด และเพิ่มวงเงินในการซื้อ QE เพิ่มเป็น 7.45 แสนล้านปอนด์: วานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันฑ์ 9 ต่อ 0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.1% ตามเดิม และประกาศเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์หรือ QE จำนวน 1 แสนล้านปอนด์ จาก 6.45 แสนล้านปอนด์เป็น 7.45 แสนล้านปอนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากความเสียหายจากการระบาดของไวรัส Covid-19
  • (+/-) สัปดาห์หน้าติดตาม แบงก์ชาติประชุม คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ตามเดิม: คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จะจัดประชุมเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 24 มิ.ย. เบื้องต้นเราคาดว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.4% ตามเดิม จาก 1) เราคาดว่าแบงก์ชาติน่าจะรอดูผลของการลดดอกเบี้ยครั้งก่อนรวมถึงผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก่อน, 2) ต้องการเก็บเครื่องมือ หรือ (policy space) ไว้ในยามจำเป็นโดยเฉพาะหากเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนและหดตัวมากกว่าที่คาดไว้, 3) หากดอกเบี้ยต่ำเกินไป อีกด้านจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากการแสวงหาการลงทุน (Search for yield) แบบไม่ระมัดระวัง และ 4) เชื่อว่าแบงก์ชาติจะเน้นออกนโยบายด้านอื่นโดยมีเป้าหมายเฉพาะกลุ่มเข้ามาทดแทน เช่น มาตรการลดเงินนำส่งกองทุน FIDF และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้โดยตรง