'กสทช.' ชงระดมเงินเข้ากองทุน5จีพันล้าน

'กสทช.' ชงระดมเงินเข้ากองทุน5จีพันล้าน

กสทช.เดินเครื่องสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเข้าดรีมทีมคณะ5จี คาดเสร็จพร้อมเข้าครม.ได้ 23 มิ.ย.นี้ เล็งผลักดัน 2 โปรเจ็คด้านดิจิทัลต่อยอดจากอินฟราสตรัคเจอร์ที่มี

ระบุพร้อมเกลี่ยเงินจากกองทุนยูโซ่-กองทุนดีอีเข้ากองทุนใหม่ 1,000 ล้านบาทในเฟสแรก หวังเป็นฟันเฟืองพัฒนาให้ไทยเป็นฮับเวิร์ก ฟรอม โฮมของต่างชาติ พร้อมต่อยอดสู่แพลตฟอร์

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คณะกรรมการขับเคลื่อน 5จีแห่งชาติมีความสมบูรณ์ว่า ล่าสุดรายชื่อกรรมการในส่วนดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะสามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในการประชุมวันอังคารที่ 23 มิ.ย.นี้ หลังจากนั้น เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีน่าจะเรียกประชุมได้ภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 133/2563 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5จี แห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่า เพื่อให้การบริหารจัดการการขับเคลื่อน 5จี ทั้งระบบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณาการและเป็นเอกภาพ ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันที่เหมาะสมและทัดเทียมกับนานาประเทศ และสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุนให้กับประเทศไทย สอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

นายฐากร กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน 5จีแห่งชาตินั้น สิ่งที่กสทช.จะเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อน 5จีแห่งชาติ ให้ผลักดัน 2 โครงการที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศคือ การเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการทำงานจากที่บ้าน (Work from Thailand to the Whole World) โดยเบื้องต้นจะมีการจัดตั้งกองทุนโอทีที 5จีประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินจะมาจาก 2 ส่วนคือ กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นกองทุนยูโซ่ของกสทช.50% แล้วอีกครึ่งเป็น เงินกองทุนจากบอร์ดดีอี จากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหารเงินกองทุนซึ่งจะมาจากการสรรหาใหม่โดยคุณสมบัติที่ต้องการคืออยากได้บุคลากรรุ่นใหม่และอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

โดยสิ่งที่รัฐบาลจะต้องสนับสนุนคือการให้ความสะดวกในการออกเวิร์คเพอร์มิตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น การปรับปรุงกฎระเบียบด้านภาษีเพื่อให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาสามารถเข้ามาอยู่ในระบบจัดเก็บรายได้ของไทยได้ ประเทศไทยมีจุดแข็ง ที่มีระบบสาธารณสุขที่ดี เห็นได้จากการจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีโครงข่าย 5จี ประเทศแรกในอาเซียนและเปิดให้บริการแล้ว มีค่าครองชีพต่ำ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นรั ฐบาลควรจะสร้างแรงจูงใจสนับสนุนให้ชาวต่างชาติและนักพัฒนาเดินทางมาทำงานที่ไทย หรือ หากชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานมีหนังสือรับรองจากบริษัทแม่ว่าถูกส่งมาทำงานในลักษณะเวิร์ก ฟอรม โฮม ที่ประเทศไทยก็จะได้รับการพิจารณาการให้วีซ่าที่ยาวกว่ากลุ่มบุคคลทั่วไป

นอกจากการเป็นศูนย์กลางของเวิร์ก ฟรอม โฮมแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน 5จีแห่งชาติ สำนักงานกสทช.จะเสนอโครงการพัฒนาโอทีที แพลตฟอร์มของประเทศไทยเพื่อให้คนไทยได้ใข้งานได้เอง ลดการพึ่งพิงโอทีที แพลตฟอร์มของต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านสาธารณสุขอย่างมาก ดังนั้น ในโอทีที แพลตฟอร์มนำร่องจะให้เป็นเรื่องเกี่ยวสุขภาพสาธารณสุขดังกล่าว