'ไทยรี' พุ่ง 150% เก็งผลงานฟื้น

'ไทยรี' พุ่ง 150% เก็งผลงานฟื้น

"ไทยรับประกันภัยต่อ" ราคาหุ้นฟื้น 150% ภายใน 3 เดือน นักวิเคราะห์ประเมินพลิกมีกำไร 110 ล้านบาท ในไตรมาส 2 นี้ ดันผลงานทั้งปีมีกำไรสุทธิ 235 ล้านบาท พร้อมกลับมาจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 3 ปี ขณะที่นายกสมาคม ‘วีไอ’ ร่วมวงเข้าถือ 32.8 ล้านหุ้น

ความเคลื่อนไหว ราคาหุ้น บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงไปแตะระดับต่อสุดตลาดกาลที่ 0.30 บาท เมื่อกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดสามารถวิ่งกลับขึ้นมาแตะระดับ 0.75 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 150% โดยเฉพาะในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาถึง 53%

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น THRE ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ที่น่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท หลังจากที่ไตรมาส 1/2563 ขาดทุน 77 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลจากธุรกิจลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีกำไร 100 ล้านบาท เป็นผลจากการคำนวณมูลค่าสินทรัพย์สุทธิโดยสะท้อนราคาตลาด (Mark to market) ของเงินลงทุนในกองทุนต่าง ๆ หลังจากที่มีการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชี

ขณะเดียวกันมีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากประกันโควิด-19 และประกันอุบัติเหตุสุขภาพมากขึ้น พร้อมกับการเคลมประกันที่ลดลง เนื่องจากผู้คนอยู่บ้านและดูแลสุขภาพมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งคือ บริษัทจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 7 ก.ค. นี้ โดยมีแผนจะลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุนสะสม ทำให้บริษัทสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้ง

“โดยภาพรวมประเมินว่า THRE จะมีกำไรสุทธิ 235 ล้านบาท ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 87.6% จากปีก่อน โดยแรงกดดันสุดหนึ่งที่เริ่มหมดไปคือโครงการประกันในอดีตที่มีผลขาดทุนมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในกลยุทธ์แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงจนถึงราคาพื้นฐานที่ให้ไว้ 0.70 บาท”

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ราคาหุ้น THRE ซื้อขายอยู่ที่เพียงประมาณ 0.8 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ทำให้หุ้นกลับมาน่าสนใจอีกครั้งจากแนวโน้มผลประกอบการที่น่าจะดีขึ้นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ โดยเฉพาะแรงกดดันจากโครงการประกันในอดีตที่ทยอยครบอายุไป รวมถึงการ Mark to market เงินลงทุน

ขณะเดียวกัน จากการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดเมื่อ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ปรากฏรายชื่อของ ชาย มโนภาส นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ประเทศไทย เข้ามาร่วมถือหุ้น 32.8 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.78% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดให้ความสนใจหุ้นตัว THRE มากขึ้น

“สำหรับแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทน่าจะดีต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้รายได้จากประกันโควิด-19 ขณะเดียวกันธุรกิจประกันภัยที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ประกันกล้อง ประกันโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีการแข่งขันน้อยกว่าประกันแบบดั้งเดิม ทำให้ THRE มีโอกาสขยายตัวได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ ความกังวลต่อธุรกิจประกันโดยภาพรวม เนื่องจากผลตอบแทนของพันธบัตรที่ต่ำลง โดยหลักจะกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตมากกว่า เนื่องจากประกันชีวิตมีลักษณะเป็นระยะยาว ซึ่งกำหนดว่าจะต้องคืนเงินประกันในอัตราที่แน่นอน แต่ลักษณะของประกันภัยมักจะคิดเบี้ยประกันปีต่อปี ทำให้ความเสี่ยงน้อยกว่า

สำหรับผลประกอบการของ THRE ในช่วงปี 2559 - 2562 ค่อนข้างผันผวน โดยปี 2559 มีรายได้ 3.92 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 277.66 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 3.66 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 111.15 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 3.76 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 1.01 พันล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 4.26 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 125.13 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1 ปี 2563 มีรายได้ 939.26 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 77.86 ล้านบาท