‘อเบอร์ดีน’ลุยหุ้น-บอนด์ เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต

‘อเบอร์ดีน’ลุยหุ้น-บอนด์  เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต

บลจ.อเบอร์ดีน เชื่อเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก เหตุรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น พร้อมคาดจีดีพี ปีนี้หดตัว 6-7% ส่วนปีนี้โต 4-5% พร้อมเดินหน้าลงทุนบอนด์ เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก- ส่วนหุ้นเลือกลงทุนรายตัว

นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยในงานสัมมนาออนไลน์ 2020 Mid-Year Outlook เพื่อเปิดมุมมองเศรษฐกิจ การลงทุน ในครึ่งปีหลังทั้งในไทยและทั่วโลก ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังนี้ ยังคงทิศทางการฟื้นตัวที่ดีตามเศรษฐกิจโลก เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกได้มีนโยบายการเงินและการคลังเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และหลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์ รวมถึงประเทศไทย โดยบริษัทคาดจีดีพีประเทศไทยปีนี้จะหดตัว 6-7% และปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 4-5%

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น บริษัทยังคงลงทุนต่อเนื่อง ไม่ควรลดสัดส่วนการลงทุนและอายุตราสารหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจระยะข้างหน้ายังมีโอกาสฟื้นตัวได้สูงแม้มีความไม่แน่นอนอยู่ โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักและเลือกหุ้นกู้เอกชนเป็นรายตัว เพราะตลาดหุ้นกู้เอกชนยังมีความกังวลค่อนข้างมากเรื่องสภาพคล่อง   

นายออเสน การบริสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนหุ้นไทยในครึ่งปีหลังปีนี้และปีหน้า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยสนับสนุน อย่างเช่นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ (SSFX) ที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงไตรมาส 2 นี้ แม้กระแสเงินทุนต่างชาติค่อนข้างผันผวน  ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนแม้ว่าปีนี้กำไรบางบริษัท โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.น่าจะต่ำแต่ยังคาดว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัว

ดังนั้นเรายังคงกลยุทธ์เลือกหุ้นรายตัวที่สามารถสร้างโอกาสในทุกสถานการณ์ และยังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกัน ยานยนต์และธนาคาร ขณะที่ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่ม ขนส่งและโลจิสติกส์ พลังงาน ปิโตรเคมี กองทุนอสังหาริมทรัพย์และรีท การสื่อสารโทรคมนาคม

ปัจจุบันพอร์ตหุ้นส่วนใหญ่ ลงทุนกลุ่มพลังงาน 17.9% ค้าปลีก 12% ธนาคาร 11.2% วัสดุก่อสร้าง 10.6% ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์9.9% และอื่นๆ34% เงินฝาก 3.5% และสนใจเพิ่มการลงทุนใน  บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC