ปตท.สผ. เผย โควิด-19 เพิ่มโอกาสทำดีล M&A

ปตท.สผ. เผย โควิด-19 เพิ่มโอกาสทำดีล M&A

ปตท.สผ.ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตธุรกิจก๊าซฯ แตะ 80%ในระยะยาว เผ ยโควิด-19 เพิ่มโอกาสทำดีล M&A รอชง ครม.เมียนมาไฟเขียวโครงการ Gas to power ผลิตไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 ว่า บริษัท ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ เป็น 80% และน้ำมัน เหลือ 20% ในระยะยาว จากปัจจุบัน มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ก๊าซฯ70% และน้ำมัน 30% เพื่อตอบสนองต่อทิศทางของโลกที่ต้องการใช้ก๊าซฯมากขึ้น และน้ำมันจะมีบทบาทลดลง 

อีกทั้ง บริษัทจะขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซฯให้ครบวงจรมากขึ้น ผ่านการผลักดันโครงการ Gas to Power ในเมียนมา ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกันในกลุ่ม ปตท. ในการใช้ก๊าซฯป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ขนาด 300 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทางกระทรวงพลังงานของเมียนมา เตรียมเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยหากผ่านการอนุมัติแล้ว ขั้นตอนต่อไป จะทำการประเมินงบประมาณการลงทุนเบื้องต้น จากนั้นก็จะเข้าสู่การเจรจาทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่อไป

159238848484

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัท เห็นถึงโอกาสการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เนื่องจากอาจมีหลายบริษัทด้านปิโตรเลียมที่ประสบปัญด้านการเงิน หรือ ขาดสภาพคล่อง อาจจะพิจารณาขายกิจการ ซึ่งบริษัท ก็มองว่าเป็นโอกาสที่จะขยายการลงทุน แต่ยังคงยึดหลักการพิจารณาในโครงการที่เหมาะสม หรือจะต้องอยู่ในพื้นที่เป้าหมาย คือ ไทย,เมียนมา,มาเลเซีย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) และโอมาน ขณะที่การดำเนินงานในช่วงปีนี้ ยังจะเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านโครงการลงทุนแหล่ง บงกช และเอราวัณ รวมทั้งโครงการในมาเลเซีย หลังจากที่ได้เข้าซื้อกิจการ 

นายพงศธร กล่าวว่า บริษัท ได้บริหารจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นภายใต้ความผันผวนเศรษบกิจโลก และราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ โดยในปีนี้ ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันในระดับ 40% ของปริมาณการขาย ซึ่งเป็นสัดส่วนต่ำกว่าเมื่อปี 2562 ที่ทำประกันความเสี่ยงฯในระดับ 80% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้ ลดลงไปแตะระดับต่ำสุดอยู่ที่ 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น การทำประกันความเสี่ยงในสัดส่วนที่สูงก็อาจจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมองหาจังหวะที่จะทำประกันความเสี่ยงเพิ่มเติม  

“ราคาน้ำมันดิบที่ลดต่ำลงในปีนี้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อปริมาณการขายลดลง 7-10% ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณสำรองฯไม่นัก แต่หากราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับต่ำไปในระยะยาวจะมีผลกระทบเกิดขึ้น และอาจชะลอการลงทุนโครงการใหม่”  

ทั้งนี้ บริษัท ยังได้ปรับแผนลงทุนโดยปรับลดรายจ่ายการลงทุนของปี 2563 ประมาณ 15-20% จากเดิมที่ตั้งไว้ 4,613 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 143,012 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำ ประกอบกับผลกระทบโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในประเทศลดลงอย่างมาก เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมั่นใจว่า บริษัทจะบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ หลังจากเคยมีประสบการณ์รับมือกับวิกฤติราคาน้ำมันที่ตกต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว