Rebound ต่อเนื่อง

Rebound ต่อเนื่อง

ดัชนีวานนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 25.14 จุด หรือ 1.87% คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาค และดัชนีดาวโจนส์ที่คืนก่อนหน้าพลิกปิดบวก หลังจากที่ร่วงแรงกว่า 3%

โดยได้รับแรงหนุนจากเฟดประกาศซื้อหุ้นกู้เอกชนเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาด และราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ กลุ่มท่องเที่ยวยังได้แรงหนุน จากการที่ ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,375.96 จุด (+25.14 จุด) Volume 6.8 หมื่นลบ. ต่างชาติ +422.77 ลบ. TFEX Net –9,109 สัญญา ตราสารหนี้ -626 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 526.82 จุด +2.04% ขานรับยอดค้าปลีกของสหรัฐทำสถิติแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ +3.4% ปิดที่ 38.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐและ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้  และ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสู่ระดับ 91.7 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้

+สหรัฐเผยยอดค้าปลีกทุบสถิติพุ่ง 17.7% ในเดือนพ.ค.

+สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งเป็นประวัติการณ์หลังทรุดหนักในเดือนเม.ย.

+เฟดรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ฟื้นตัว หลังหดตัวแรงในเดือนเม.ย.

+ครม.อนุมัติ 3 แพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยว "กำลังใจ-เราไปเที่ยวด้วยกัน-เที่ยวปันสุข" วงเงินรวม 22,400 ล้านบาทคาดเริ่มได้ 1 ก.ค.

-นายพาวเวลประธานเฟดเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอนจากพิษโควิด-19

-สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจดิ่งมากกว่าคาดในเดือนเม.ย.

-บางประเทศมีการระบาดซ้ำของโควิด-19 ขณะที่ในประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อในประเทศติดต่อกัน 22 วัน

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่งขึ้น 41.72 จุด +1.44% เช้าเปิด +0.92 จุด

-ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 1,051.26 จุด +4.88% เช้าเปิด -65.07 จุดขายทำกำไร

-ทองคำปรับตัวลงจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.94 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.13 บาท/US เช้าเปิดแข็งค่า

*จับตาสหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ขึ้นต่อ หลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.7% ในเดือนพ.ค .หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ประกอบกับได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,355-1,380 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

ที่ประชุม ครม. เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย 3 โครงการ วงเงินรวม 22,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการท่องเที่ยวปันสุข เราเที่ยวไปด้วยกัน และท่องเที่ยวกำลังใจ ซึ่งคาดจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกรกฎาคม – ตุลาคมนี้ โดยจะดำเนินการ ใน 3 แพ็กเกจ ดังนี้

1) "เที่ยวปันสุข" ช่วยเหลือสายการบินต้นทุนต่ำ รถเช่า โดยรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายค่าเดินทาง ในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท เบื้องต้นสายการบินต้นทุนต่ำที่เข้าร่วมโครงการให้กำหนดราคาขายตั๋วเครื่องบินในประเทศไป-กลับ ในราคา 2,500 บาท หุ้นที่ได้ประโยชน์ (AOT AAV NOK BA ASAP)

2) "เราไปเที่ยวกัน" โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรม ที่พักในอัตรา 40% ต่อคืน ไม่เกิน 3,000 พันบาทต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือ 15,000 บาท และสนับสนุนเงินในลักษณะวงเงินอี-วอลเล็ท หรือเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้ 600 บาทต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือ 3,000 บาท เพื่อให้นำไปใช้จ่ายกิจกรรมในด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ (ERW CENTEL MINT VRANDA SHR)

3) "กำลังใจ"เพื่อตอบแทนบุคลากรแนวหน้าในการรับมือโควิด-19 โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวม 1.2 ล้านคน โดยจะให้ได้รับสิทธิพิเศษเดินทางท่องเที่ยวฟรีผ่านบริษัทนำเที่ยว 2 วัน 1 คืน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ 2,000 บาทต่อคน (ที่มา : แนวหน้า)

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ดี (WICE TASCO CPF)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐออกแพคเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA ASAP)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย Lockdown เฟส 3 และ เฟส 4 (SPA MAJOR CRC CPN SF HMPRO IMPACT)
  • หุ้นเข้าดัชนีFTSE SET Large Cap Index  FTSE รอบใหม่มีผล 22 มิ.ย. (CRC DIF)  และเข้าดัชนี SET50 (BPP TTW) 

 

หุ้นมีข่าว   

(-) MCOT (Bloomberg Consensus 4.50 บาท) สหภาพฯ MCOT จ่อยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินมติ กสทช. วันที่ 10 มิ.ย. 63 เคาะแบ่งสัดส่วนเงินเยียวยาคืนคลื่น 2600 MHz ให้ MCOT และเพลย์เวิร์ค ยึดตามหนังสือที่ เขมทัตต์” แจ้งยืนยันมาให้แบ่งเท่าๆ กันทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมจี้เปิดผลศึกษาคณะอนุกรรมการเยียวยาจาก 7 หน่วยงาน และสัญญาที่ทำกับเพลย์เวิร์ค (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg Consensus 9.18 บาท)  ขยับเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% จากเดิมตั้งไว้ 10-12% หลังรับอานิสงส์น้ำมันล้นตลาด หนุนความต้องการใช้บริการเรือ FSU สูงต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มผลงานไตรมาส 2 คาดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) SPALI (Bloomberg Consensus 15.99 บาท)  กางแผนครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดใหม่ 20 โครงการ มูลค่ารวม 21,000 ล้านบาท หนุนยอดขายทั้งปีเข้าเป้า 26,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้มั่นใจตามนัด 24,000 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก 38,717 ล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้ 9,243 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TSR (Bloomberg Consensus  - บาท) ส่งซิกผลงานไตรมาส 2 สวย! การขายผ่านออนไลน์เติบโตสูง เร่งขยายทีมขายมากขึ้น เพิ่มสินค้า เตรียมออกเครื่องทำน้ำแข็งเดือน มิ.ย.นี้ มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 10% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SEAFCO (Bloomberg Consensus  7.37 บาท) คว้างาน 3 โครงการใหม่เดือนมิ.ย.รวมมูลค่า 800 ล้านบาท เล็งโครงการใหญ่รออยู่ข้างหน้าอีกเพียบทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มมูลค่าเงินในมือเพียบ ย้ำเป้าหมายรายได้ปี 2563 โต 10% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CBG (Bloomberg Consensus 108.89 บาท) เร่งทำการตลาดประเทศจีน สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ผลักดันยอดขายเติบโตขึ้น ทั้งปียังคงเป้ายอดขายรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% ตามแผน เล็งขาย C+Lock รสส้ม เดือนมิถุนายนนี้ คาดปีนี้ทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านขวด พร้อมส่ง C+Lock ลุยตลาดต่างประเทศในไตรมาส 3/2563 ฟากโบรกมอง ระยะยาวโตเด่น ชี้พื้นฐาน 118 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ACE (Bloomberg Consensus - บาท) ปลื้มเข้า SET100 ตามคาด หลังเข้าเทรดเพียง 6 เดือน แถมโชว์กำไรโตแรงกว่า 347% เดินหน้าขยายธุรกิจเตรียมเข้าประมูลโรงไฟฟ้าใหญ่ของภาครัฐ กำลังการผลิต 1100 เมกะวัตต์ โบรกปรับราคาเหมาะสมเป็น 5.24 บาท มองผลงานในอนาคตเติบโตสูง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RS (Bloomberg Consensus 13.16 บาท)  บิ๊ก RS  "สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" เผยหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการ อีกทั้งเศรษฐกิจและกำลังซื้อเริ่มทยอยฟื้นตัว สบโอกาสพร้อมลุยธุรกิจคอมเมิร์ซภายใต้การดำเนินงานของ RS Mall เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่และจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งขยายช่องทางขาย หนุนการเติบโตภายในปี 2563 (ที่มา ทันหุ้น)