ท่องเที่ยวเฮ! สทท.คาด 3 แพ็คเกจท่องเที่ยวดันเงินสะพัด7หมื่นล้าน

ท่องเที่ยวเฮ! สทท.คาด 3 แพ็คเกจท่องเที่ยวดันเงินสะพัด7หมื่นล้าน

“สทท.” หนุนแพ็คเกจกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ คาดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 3 เท่าตัว หรือเกือบ 7 หมื่นล้าน ขณะสมาคมโรงแรมไทยพอใจรัฐช่วยจ่ายค่าห้อง 40% ถึง 5 ล้านคืน เร่งอัดโปรฯพ่วง ชิงรายได้

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ รวม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการกำลังใจ โครงการเราไปเที่ยวกัน และโครงการเที่ยวปันสุข สทท.เห็นด้วยกับการปรับรายละเอียด ด้วยการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่ง ทั้งสายการบิน รถขนส่งไม่ประจำทาง และรถเช่า ผ่านโครงการเที่ยวปันสุข เพื่อไม่ให้ความช่วยเหลือกระจุกเฉพาะธุรกิจโรงแรมและบริษัทนำเที่ยวเพียงอย่างเดียว โดยรัฐจะร่วมจ่ายค่าบัตรโดยสาร สนับสนุนในอัตรา 40% ของราคาค่าบัตรโดยสาร แต่ไม่เกิน 1,000 บาท รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ส่วนโครงการเราไปเที่ยวกัน มองว่ากลุ่มโรงแรมที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดคือโรงแรมระดับ 4-5 ดาว

และวันนี้ (17 มิ.ย.) สทท.จะประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการกำลังใจ ตอบแทนเจ้าหน้าที่ อสม.และ รพ.สต.จำนวน 1.2 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริการบริษัทนำเที่ยวคนละไม่เกิน 2,000 บาท เดินทางไม่น้อยกว่า 2 วัน เพื่อให้กระจายเม็ดเงินแก่ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวอย่างทั่วถึง รวมถึงการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้อยู่ภายใต้งบฯที่รัฐกำหนดมา เช่น จัดโปรแกรมไปเที่ยววัด ไปเที่ยวชุมชน และเข้าพักโรงแรมจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในจุดหมายต่างๆ ทั่วประเทศ

“สทท.คาดว่าจากงบประมาณที่รัฐบาลอัดฉีดเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านทั้ง 3 โครงการเป็นวงเงิน 2.24 หมื่นล้านบาทนั้น น่าจะกระตุ้นเม็ดเงินท่องเที่ยวให้สะพัดในประเทศได้ไม่น้อยกว่า 3 เท่าหรือเกือบ 7 หมื่นล้านบาท”

ประธาน สทท.กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว ยังต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอสเอ็มอีซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปีและสายป่านสั้นด้วย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเสริมสภาพคล่องเท่าที่ควร และไม่รู้จะนำเงินจากที่ไหนมาเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงที่ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวดังกล่าวตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค.นี้

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจโรงแรมพอใจกับการกระตุ้นผ่านโครงการเราไปเที่ยวกัน เพราะรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักแบบช่วยจ่าย 40% ของราคาค่าห้องพักถึงจำนวน 5 ล้านคืน สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และรัฐยังสนับสนุนเงินอีก 600 บาทต่อคืน แต่สูงสุดไม่เกิน 5 คืนให้ใช้จ่ายค่าอาหารค่าท่องเที่ยวในโรงแรมที่พัก คาดว่าจะเห็นผู้ประกอบการโรงแรมเฟ้นกลยุทธ์ลดราคาห้องพักเป็นพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น รวมถึงจัดโปรโมชั่นน่าสนใจเพิ่มเติม เช่น การแถมมื้ออาหาร และบริการนวดหรือสปา

โดยเมืองต่างๆ จะได้อานิสงส์จากมาตรการนี้ไม่เท่ากัน เพราะความนิยมของนักท่องเที่ยวไทยแตกต่างกัน บางส่วนนิยมขับรถเที่ยวในรัศมีไม่เกิน 300 กิโลเมตร อย่างคนกรุงเทพฯก็จะนิยมไปท่องเที่ยวหัวหินและเมืองพัทยาซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี ห้องพักขายดีมาก ส่งผลต่ออัตราเข้าพักที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนจุดหมายระยะไกล เช่น ภูเก็ต สมุย และอื่นๆ ก็น่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยสนใจเข้าร่วมโครงการเสริมระหว่างโครงการเที่ยวปันสุขและเราไปเที่ยวกัน เพราะเมื่อจองห้องพักในโครงการเราไปเที่ยวกัน จะได้รับสิทธิ์จองบัตรโดยสารเครื่องบินไปกลับของโครงการเที่ยวปันสุขในราคาพิเศษ 2,500 บาทอีกจำนวน 1 สิทธิ์

“ทั้งนี้คาดว่ากระแสการเดินทางจะเริ่มกลับมาคึกคักในเดือน ส.ค.นี้ และทำให้ในช่วง 4 เดือนตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.นี้ มีอัตราเข้าพักโรงแรมทั่วประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40% ซึ่งน่าจะช่วยเลี้ยงธุรกิจโรงแรมได้ เลี้ยงพนักงานโรงแรมต่อไปได้ ระหว่างรอการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งกินสัดส่วนถึง 60% ของรายได้ท่องเที่ยวไทย ก่อนตั้งต้นกันใหม่ในปีหน้า” นายกทีเอชเอกล่าว