‘อียู’ เปิดชายแดน 'ท่องเที่ยว-ธุรกิจ' คึกคัก

‘อียู’ เปิดชายแดน 'ท่องเที่ยว-ธุรกิจ' คึกคัก

หลายประเทศในอียู เปิดให้ข้ามชายแดน แบบกำหนดโควต้า และพื้นที่ท่องเที่ยว หวังปูทางฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังปิดหนีโควิด-19 นาน 3 เดือน

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า มีหลายประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ผ่อนคลายข้อจำกัดตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ข้ามแดนได้แล้วในวานนี้ (15 มิ.ย.) ในลักษณะการจำกัดโควต้าจำนวนนักเดินทางจากแต่ละประเทศ และกำหนดพื้นที่ท่องเที่ยว ควบคู่กับการให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามคำแนะนำภายใต้มาตรการโควิด-19

ปัจจุบัน มีประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป 22 ชาติ และกลุ่มประเทศที่ใช้ระบบวีซ่าเชงเก้น รวมถึงไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งแต่ละประเทศได้เริ่มทยอยลดข้อจัดชายแดนอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังปิดประเทศนานกว่า 3 เดือน โดยปูทางเปิดเต็มรูปแบบในเดือน ก.ค. เป็นการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งเศรษฐกิจในอียู

เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ และยูเครน เป็นบรรดาประเทศที่ยกเลิกข้อจำกัดชายแดนในวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งในอังกฤษได้เปิดตั้งแต่เดือน มี.ค. เช่นเดียวกับร้านกาแฟและร้านอาหารในฝรั่งเศสได้รับอนุญาตเปิดเต็มรูปแบบแล้ว 

กรีซได้เปิดประเทศสำหรับการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในวานนี้ ซึ่งเปิดพรมแดนด้านเฉพาะที่ติดกับบัลแกเรียในช่วงเที่ยงของวันจันทร์ พบว่า มีรถรอเข้าคิวข้ามพรมแดนตั้งแต่ช่วงเช้ายาวถึง 5 กิโลเมตร จากความเข้าใจผิด คิดว่าพรมแดนเปิดมาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ แต่จำนวนคนที่มารอ ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเปิดพรมแดนก่อนเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะใช้ระบบสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุก ๆ 15 คน โดยยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด

ส่วนทางอากาศ เที่ยวบินแรกจากต่างประเทศ ก็มาลงจอดที่สนามบินในกรุงเอเธนส์ และเมืองเทสซาโลนิกิ ทางเหนือของประเทศแล้ว ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ไม่ต้องเจอกับมาตรการบังคับตรวจไวรัสแต่ว่ามีการสุ่มตรวจนักท่องเที่ยวบางคน ขณะที่โรง แรมและพิพิธภัณฑ์ รวมถึงโรงยิม ก็กลับมาเปิดธุรกิจ ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายในการกลับมาเปิดธุรกิจของกรีซ ตอนนี้การห้ามเที่ยวบินจากอิตาลี สเปน และเนเธอร์แลนด์ ถูกยกเลิกแล้ว แต่ยังคงห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษอยู่

ส่วนสเปนกำหนดโควต้านักท่องเที่ยวต่างชาติ แบบนำร่องเฟสแรกไม่เกิน 10,000 คน โดยเปิดให้เยอรมนีเดินทางจากสนามบินออกจากสนามบินดุสเซลดอร์ฟ บินมาเที่ยวที่เกาะมายอร์คก้าของสเปน 

ขณะที่ อิตาลี เริ่มเปิดพรมแดนด้านที่ติดกับสโลวีเนีย งานนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศประ กอบพิธียกเอารั้วกั้นถนนข้ามพรมแดนออก เพื่อเปิดการสัญจรข้ามพรมแดนตามปกติ สำหรับรั้วกั้นที่ยกออกไป จะถูกนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม การเปิดพรมแดนระหว่างกัน ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ตามที่ต้องการ เพราะยังคงมีข้อจำกัดอยู่มากมาย อย่างเดนมาร์กอนุญาตเฉพาะชาวเยอรมนีที่จองที่พักในเดนมาร์กอย่างน้อย 6 คืนเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ หรืออย่างนอร์เวย์กับเดนมาร์ก ก็ยังไม่ยอมให้ชาวสวีเดนเดินทางเข้าประเทศ  เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ก็ตั้งข้อจำกัดกับสวีเดน เนื่องจากไม่ยอมใช้มาตรการล็อคดาวน์ เหมือนกับที่สเปนก็ยังไม่ยอมให้ชาวโปรตุเกสเข้าไปประเทศด้วย