บลจ. พรินซิเพิล เตรียมจ่ายปันผลกองทุน PRINCIPAL iPROP คาดจ่าย 0.12 บาทต่อหน่วย

บลจ. พรินซิเพิล เตรียมจ่ายปันผลกองทุน PRINCIPAL iPROP คาดจ่าย 0.12 บาทต่อหน่วย

บลจ. พรินซิเพิล ประกาศเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุน PRINCIPAL iPROP คาดจ่าย 0.12 บาทต่อหน่วย มองบวกลงทุนในสินทรัพย์รับประโยชน์จากเทรนด์ New Normal

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นล่าสุด แม้เริ่มมีการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยและบางประเทศสามารถแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่การผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา และรัฐบาลได้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภค และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศ คาดว่าการใช้นโยบาย QE อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางแต่ละประเทศทั่วโลก ตลอดจนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ จะส่งผลดีการทยอยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บลจ.พรินซิเพิล มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จาก New Normal  และการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำกว่าภาพรวมตลาดหุ้น โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่มีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงในระยะยาวภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่แทบไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยมากจากCOVID-19 เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นโอกาสลงทุนในจังหวะที่สินทรัพย์มีราคาถูกลง

 นายจุมพล กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพอร์ตการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิด พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP) (กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก)  ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ โดยมีให้เลือกลงทุนทั้งชนิดสะสมมูลค่า (Class A) ชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) และชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม (Class C) ซึ่งนับจากเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555กองทุน PRINCIPAL iPROP (Class D) สามารถจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องรวม 32ครั้ง คิดเป็นอัตรา 6.075 บาทต่อหน่วย

ล่าสุด กองทุน PRINCIPAL iPROPประกาศประมาณการณ์จ่ายเงินปันผล ครั้งที่33 สำหรับงวดบัญชี 31 พฤษภาคม 2563แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) และชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) ในอัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย กำหนดปิดสมุดทะเบียน (XD Date) ในวันที่30 มิถุนายนนี้ (ผู้ซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่ 30มิถุนายนนี้เป็นต้นไปจะไม่ได้รับเงินปันผลงวดดังกล่าว) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนPRINCIPAL TREASURY ได้ตั้งแต่ 2กรกฎาคมนี้ ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) จะได้รับเงินปันผลเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถือหน่วยลงทุน 8กรกฎาคมนี้