'ยกเลิกเคอร์ฟิว' แต่ไม่ประมาท ศบค. ตั้งจุดตรวจป้องกันมั่วสุม คุม 'โควิด-19'

'ยกเลิกเคอร์ฟิว' แต่ไม่ประมาท ศบค. ตั้งจุดตรวจป้องกันมั่วสุม คุม 'โควิด-19'

ศบค. ย้ำ อย่าประมาท หลัง "ยกเลิกเคอร์ฟิว" ปลดล็อคเฟส 4 โดยเฉพาะกลุ่ม นักเรียน - คนทำงาน เวลาติดเชื้อ "โควิด-19" มักไม่แสดงอาการ

วันนี้ (วันที่ 16 มิถุนายน 2563) แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 จากไวรัสโคโรนา ประเทศไทย ระบุถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นภายหลังการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 4 ตลอดจนการ ยกเลิกเคอร์ฟิว เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 โดยเฉพาะกลุ่มกิจการ หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง

หลังจากมีประกาศ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ข้อกำหนด ประกาศผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นช่วงที่4 และยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ทั่วราชอาณาจักร หรือ ยกเลิกเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมานั้น ขอให้ประชาชนอย่าประมาท และเฝ้าระวังในการป้องกันตัวเองอย่างเข้มข้น

159228999118

โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน ตั้งแต่อายุ 20-39 ปี ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากข้อมูลของกรมควบคุมโรคระบุว่า ในกลุ่มนี้มีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ถึงร้อยละ 50 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เนื่องจากเป็นกลุ่มอายุที่อยู่ในวัยทำงาน และมีสภาพร่างกายแข็งแรง ดังนั้น เมื่อป่วยจึงมักจะไม่แสดงอาการ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกลายเป็นพาหะนำเชื้อกลับไปติดคนในครอบครัว และผู้ใกล้ชิดได้

นอกจากนั้น ถึงแม้ จะมีการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว แต่ ศบค. ได้ให้มีการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม ป้องอุบัติเหตุ ก่ออาชญากรรม การรวมกลุ่มชุมนุม-มั่วสุม โดยมาตรการแก้ไขของตำรวจ แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย

1. ก่อนเกิดเหตุ มีการรวบรวมข้อมูลกลุ่มเสี่ยง

2. ขณะเกิดเหตุ รับแจ้งจากประชาชน มาประมวลผล และจัดสายตรวจลงพื้นที่กวดขัน

3. มาตรการสอบสวนขยายผล โดยนำข้อมูลกลุ่มอายุ และสถานที่เกิดเหตุและลงฐานระบบ crimes เพื่อตั้งจุดตรวจจัดสกัดในพื้นที่เสี่ยง

4.มาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

159228993942

ขณะที่ด่านเคอร์ฟิวกว่า 500 จุดทั่วประเทศ ภายหลังการประกาศ ยกเลิกเคอร์ฟิว ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นจุดตรวจ จุดสกัด กว่า 1,000 จุด รวมทั้งชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 1,000 ชุด เพื่อเฝ้าระวังการกระทำความผิด

โดยผลการจับกุมตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2562 ถึง 30 เมษายน 2563 สามารถจับกุมการผู้แข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และสนับสนุนให้มีการแข่งรถ รวม 1,699 ราย ดำเนินคดีผู้ปกครอง ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก 51 ราย และแอดมินเพจ รวม 101 ราย

ทั้งนี้ เพื่อป้องกัน โควิด-19 ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างทางสังคม และการยอมรับระบบติดตามตัวผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถืออยู่

159229001954