ฟื้นเศรษฐกิจไทย เริ่มต้นที่ดูแลตัวเอง

ฟื้นเศรษฐกิจไทย เริ่มต้นที่ดูแลตัวเอง

เหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในจีน สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนทั่วโลก รวมถึงในไทย แต่ภารกิจที่สำคัญสำหรับผู้คนในเวลานี้ คือ การดูแลตัวเองให้ปลอดโรค รวมถึงการเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจประเทศที่กำลังไปได้ดี โดยต้องไม่สะดุดเพราะติดเชื้อ

วานนี้ (15 มิ.ย.) เป็นวันแรกของการผ่อนคลายล็อกดาวน์การดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ในระยะที่ 4  ซึ่งเมื่อรวม 3 ระยะที่รัฐคลายล็อกไปก่อนหน้านี้ เท่ากับภาคธุรกิจสามารถเปิดดำเนินการได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียงธุรกิจส่วนน้อย อาทิ ผับ บาร์ อาบอบนวด เครื่องเล่นประเภทบ้านบอล บ้านลม ซึ่งกำลังจะพิจารณาผ่อนคลายในระยะถัดไป ในวันเดียวกันนี้รัฐยังยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิว หรือห้ามออกนอกเคหสถานการณ์ตามเวลาที่กำหนด หลังดำเนินการมากว่า 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังพูดกันหนาหู เป็นข่าวพาดหัวสื่อเกือบทุกสำนัก ถึงแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือทราเวลบับเบิล ด้วยการ “จับคู่” เจรจากับประเทศที่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี โดยมีประเทศเป้าหมาย ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และบางประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กจะสรุปรายละเอียดในการประชุมในวันพุธที่ 17 มิ.ย.นี้ ก่อนเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม การระบาดระลอก 2 ของโควิด ที่เกิดขึ้นในจีน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) เมื่อเจ้าหน้าที่จีนพบผู้ป่วยโควิดแบบไม่แสดงอาการ 46 คนที่นครปักกิ่ง นำไปสู่การสั่งปิดตลาด “ซินฟาตี้” ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงปักกิ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังเจ้าหน้าที่พบการเชื่อมโยงของผู้ป่วยกับตลาดแห่งนี้ ล่าสุด (14 มิ.ย.) ยังพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในจีนเพิ่มอีก 49 คน โดยเกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ 39 คน และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 คน สร้างความตระหนกให้กับทั่วโลก ขณะที่ในไทย การระบาดระลอก 2 ในจีน คล้ายจะเป็นการดับฝันการจับคู่เที่ยว หรือทราเวลบับเบิลกับ “จีน” ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 ในเชิงจำนวน และรายได้ ที่ทางการไทยหมายมั่นปั้นมือ จะมีส่วนขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี ไม่มากก็น้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจีน ยังน่าจะ “หลอน” ผู้คนทั่วโลก รวมถึงในไทยให้จิตตก ต่อการระบาดระลอก 2 ของโควิดที่มีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อที่การ์ดตก แม้ในประเทศจีนที่ประกาศตัวเองว่าเป็นประเทศที่มีมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้น ท่ามกลางนานาประเทศที่ทยอยคลายล็อกดาวน์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าหลังจาก “ล็อกดาวน์” มานาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสาหัส การเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิดจึงเป็นทางออกในสถานการณ์ที่ยังโลกยังไม่มีวัคซีน หรือยารักษาโควิด ดังนั้นภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนในเวลานี้ คือ “การดูแลตัวเองให้ปลอดโรค” เรื่องในระดับปัจเจก ที่มีส่วนสำคัญในระดับประเทศ โดยเฉพาะต่อการเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ที่กำลังไปได้ดี ต้องไม่สะดุดเพราะติดเชื้อ