'ผู้ว่าปทุมฯ' ประกาศผ่อนคลายระยะ 4 ยกเลิก 'เคอร์ฟิว'

'ผู้ว่าปทุมฯ' ประกาศผ่อนคลายระยะ 4 ยกเลิก 'เคอร์ฟิว'

"ผู้ว่าปทุมฯ" ออกประกาศ ผ่อนคลายระยะ 4 ไฟเขียวยกเลิก "เคอร์ฟิว" แต่ย้ำปฏิบัติตามมาตรการ ศบค.

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 สำนักงานประชาสัมพันธ์แจ้งประกาศจังหวัดปทุมธานี เรื่อง มาตรการผ่อนคลายการป้องกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) หรือโควิด-19 ลงนามโดยนายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า ตามที่จังหวัดปทุมธานีมีประกาศมาตรการผอนคลายการป้องกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ฉบับลงงันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ให้ผู้เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติแล้วนั้น โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2563 เพื่อผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในช่วงที่ 4 ต่อเนื่องจากการผ่อนคลายที่ดำเนินมาก่อนแล้วเป็นลำดับ ทั้งนี้ ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด

โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างทางสังคม และการยอมรับระบบติดตรมตัวผ่านแอปพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(1)แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ.2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2563

ผู้ว่าฯปทุมธานี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี จึงมีประกาศยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00น.ของวันที่ 14 มิถุนายน, การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ที่มีจำนวนนักเรียนไม่เกิน 120 คน สามารถใช้อาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน หรือ การฝึกอบรมได้ โดยจัดรูปแบบการเรียนการสอน สถานที่ บุคลากร และเจ้าหฟน้าที่ให้มีความพร้อม สอดคล้องกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกำหนด รวมทั้งจัดระเบียบ ระบบต่างๆตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการติดโรค การแพร่กระจายเชื้อ และความปลอดภัยของผู้เรียน

การผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ดังนี้ กิจกรรมด้านเศรษฐกิจ และ การดำเนินชีวิต อาทิ การจัดการประชุม อบรม สัมมนา จัดนิทรรศการ แสดงสินค้า จัดเลี้ยง งานพิธี การแสดง การจัดกิจกรรมในโรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ,โรงภาพนตร์ สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์เด็กพิเศษ สถานดูแลผู้งอายุ สถานสงเคราะห์ สถานที่พำนักอาศัย ศูนย์วิทยาศาสตร์ และ วัฒนธรรม อุทยานวิทยาศาสตร์ ,การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนต์ วิดีทัศน์ การบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในภัตตาคาร ร้านอาหาร ส่วนอาหาร โรงแรม ส่วนผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการ, เพื่อรวมถึงมาตรการป้องกันโรค การจัดระเบียบ และระบบต่างๆ

ส่วนกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และสันทนาการ ได้แก่ การอบตัวอบสมุนไพร สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือ นวดแผนไทย ยกเว้น อาบอบนวด , การออกกำลังกายแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ สวนน้ำ สวนสนุก สนามเด็กเล่น ยกเว้น เครื่องเล่นลักษณะติดตั้งชั่วคราว หรือเครื่องเล่นที่มีพื้นผิวสัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม , สนามกีฬา หรือ สถานที่ออกกำลังกาย ยกเว้นสนามไก่ชน สนามกัดปลา หรือสนามการแข่งขันอื่นในลักษณะเดียวกัน ยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการ, สถานที่ที่ได้รับการผ่อนคลายสามารถจัดการแข่งขัน หรือ ถ่ายทอดโทรทัศน์การแข่งขันกีฬา หรือการถ่ายทอดผ่านสื่ออื่นๆได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชม และผู้จัดการแข่งขัน , ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย แะตั้งอยู่ในห่างสรรพสินค้า ศุนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์

โดยให้ผู้รับผิดชอบ เจ้าของ หรือ ผู้จัดการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคและคำสั่ง ศบค.เรื่องแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2563 หากพบการกระทำที่อาจมีความเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดของโรค พนักงานเจ้าหน้าที่ อาจให้คำแนะนำ คำเตือน ห้ามปราม และมีอำนาจกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของหรือ ผู้จัดการสถานที่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อมิให้มีการแพร่ของโรค รวมทั้งเสนอให้มีคำสั่งปิดสถานที่ในพื้นท่รับผิดชอบไว้เป็นการชั่วคราวได้

ในกรณีที่มีคำสั่งปิดสถานที่ไว้เป็นการชั่วคราว ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เมื่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าของ หรือผู้จัดการสถานที่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการที่ราชการกำหนดและจัดระเบียบ และระบบต่างๆแล้ว อาจพิจารณาสั่งให้เปิดดำเนินการในสถานที่ดังกล่าวได้

ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในบรรดาประกาศที่ได้ออกไว้ก่อนหน้านี้ให้มีผลใช้บังคบได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

159222458493

159222458952

159222459539