‘เที่ยวปันสุข’ เคาะผ่านฉลุย จองสิทธิ์ยังไงให้คุ้มสูงสุด 18,000 บาท

‘เที่ยวปันสุข’ เคาะผ่านฉลุย จองสิทธิ์ยังไงให้คุ้มสูงสุด 18,000 บาท

"เที่ยวปันสุข" มาตรการใหม่ป้ายแดงที่ ครม.เพิ่งเคาะ "ผ่านฉลุย" ไปเมื่อวานนี้ ล่าสุดระบบลงทะเบียนยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่เปิดให้เข้าระบบใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีข้อควรรู้เกี่ยวกับวิธีจองสิทธิ์ว่าทำยังไงให้คุ้มค่าถึง 18,000 บาท

หลังจากที่ประชุม ครม. เคาะมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวไทยให้ผ่านฉลุย สำหรับการจัดทำโครงการมอบส่วนลด 3 แพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข, เราไปเที่ยวกัน, กำลังใจ” เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่ กรกฎาคม-ตุลาคม 2563 โดยรัฐทุ่มงบประมาณในโปรเจคนี้ทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท

โดยล่าสุดช่วงบ่าย วันที่ 16 มิ.ย. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า “ธนาคารกรุงไทย” จะรับหน้าที่ทำแพลตฟอร์มระบบลงทะเบียนของทั้ง 3 โครงการ (กำลังใจ, เราไปเที่ยวกัน, เที่ยวปันสุข) โดยจะรวบรวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน

ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับหน้าตาของแพลตฟอร์มลงทะเบียน “เที่ยวปันสุข”, วันที่จะเปิดให้ลงทะเบียน, และขั้นตอนวิธีการลงทะเบียนอย่างละเอียดนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีข้อมูลกำหนดออกมาแน่ชัด เพราะยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานทำระบบ ขณะนี้มีเพียงข้อมูลในเบื้องต้นที่ทาง ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับวิธีลงทะเบียน “เที่ยวปันสุข” อย่างคร่าวๆ เท่านั้น โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : วิธีลงทะเบียน ‘เที่ยวปันสุข’ เบื้องต้น ก่อนกรุงไทยเปิดระบบให้ใช้จริง

นอกจากเรื่องวิธีลงทะเบียน “เที่ยวปันสุข” แล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ วิธีการจองสิทธิ์ส่วนลดที่พักโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” ว่าควรจองยังไง? ถึงจะได้ส่วนลดบวกกับเงินเที่ยวรวมสูงสุด 18,000 บาท วันนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ มีเทคนิควิธีจองสิทธิ์ดังกล่าวมาบอกต่อ..

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

159229422611

1. วิธีจองให้ได้ส่วนลดห้องพักสูงสุด 15,000 บาท

เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะไปเที่ยว และเลือกสถานที่ที่อยากไปได้แล้ว (ต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้านของเรา) จากนั้นต้องมาวางแผนเรื่อง “เวลา” หรือ “วันหยุด” ที่จะใช้ในการท่องเที่ยวครั้งนี้ และถ้าอยากได้ส่วนลดที่พักในโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” เยอะๆ แนะนำว่าต้องมีเวลาเที่ยวนานหน่อย คือ ต้องจองที่พักติดต่อ 5 คืน ถึงจะได้ส่วนลดห้องพักสูงสุด 15,000 บาท

เนื่องจากเงื่อนไขของโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” ระบุว่า เมื่อลงทะเบียนใช้งานแพ็คเกจนี้ และเลือกซื้อห้องพักของโรงแรมที่ร่วมโครงการ ผู้ซื้อจะจ่ายเพียง 60% ของราคาค่าห้องพักต่อคืน และรัฐช่วยจ่ายที่เหลืออีก 40% แต่สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน

ตัวอย่าง(1) : หากซื้อห้องพักโรงแรมราคาคืนละ 1,000 บาท สำหรับพัก 1 คืน กรณีนี้ผู้ซื้อจะจ่ายจริงเพียง 600 บาท รัฐจะช่วยจ่ายอีก 400 บาท และก็เท่ากับว่าผู้ซื้อได้ส่วนลดค่าห้องพักไป 400 บาทนั่นเอง

ตัวอย่าง(2) : หากซื้อห้องพักโรงแรมราคาคืนละ 1,000 บาท (แบบเดิม) แต่เพิ่มการจองห้องพักเป็น 5 คืน รวมราคาเป็นเงิน 5,000 บาท กรณีนี้ผู้ซื้อจะจ่ายจริงเพียง 3,000 บาท และรัฐช่วยจ่าย 2,000 บาท เท่ากับว่าผู้ซื้อได้ส่วนลดค่าห้องพักเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ตัวอย่าง(3) : หากซื้อห้องพักโรงแรมหรู พูลวิลล่า ราคาคืนละ 10,000 บาท และจองห้องพักติดต่อกัน 5 คืน รวมราคาเป็นเงิน 50,000 บาท กรณีนี้รัฐช่วยจ่ายเต็มเพดานสูงสุด 3,000 บาทต่อคืน แปลว่ารวม 5 คืนรัฐจะช่วยจ่ายมากถึง 15,000 บาท และผู้ซื้อจะจ่ายจริงเพียง 35,000 บาท ซึ่งเท่ากับว่าผู้ซื้อได้ส่วนลดสูงสุด 15,000 บาทนั่นเอง

159232239340

2. วิธีจองให้ได้เงินเที่ยว (อี-วอลเล็ท) สูงสุด 3,000 บาท

สำหรับโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” นอกจากจะได้ส่วนลดที่พักแล้ว รัฐยังจะสนับสนุนเงินให้อีก 600 บาทต่อคืน สำหรับใช้จ่ายในโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ถ้าอยากได้เงินเที่ยวในจำนวนเต็มเพดาน ก็ต้องลงทุนเรื่องเวลาอีกเช่นกัน โดยต้องใช้เวลาท่องเที่ยว  6 วัน 5 คืน

โดยเงื่อนไขของโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” ระบุว่า เมื่อลงทะเบียนใช้งานแพ็คเกจนี้ และเลือกซื้อ E-Voucher ของโรงแรมที่ร่วมโครงการ นอกจากได้ส่วนลดค่าห้องพักแล้ว ยังจะได้รับเงินที่รัฐสนับสนุนในรูปแบบของบัตรกำนัลดิจิทัล (อี-เวาเชอร์) นำไปใช้จ่ายในพื้นที่นั้นๆ อีก 600 บาทต่อคืน แต่สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือไม่เกิน 3,000 บาท

ตัวอย่าง(1) : เมื่อซื้อห้องพัก 1 คืน นอกจากได้ส่วนลดห้องพักแล้ว ผู้ซื้อยังจะได้รับเงินเที่ยวในลักษณะ อี-เวาเชอร์ โดยรัฐจะโอนให้ผ่านแอพฯ “เป๋าตัง” จำนวน 600 บาทต่อคืน โดยสามารถนำไปใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมโครงการ และใช้วิธีสแกนบาร์โค้ดในการชำระค่าใช้จ่าย

ตัวอย่าง(2) : เมื่อซื้อห้องพัก 5 คืน นอกจากได้ส่วนลดห้องพักแล้ว ผู้ซื้อยังจะได้รับเงินเที่ยวในลักษณะ อี-เวาเชอร์ ผ่านแอพฯ “เป๋าตัง” จำนวนสูงสุดถึง 3,000 บาท โดยใช้วิธีสแกนบาร์โค้ดในการชำระค่าใช้จ่ายเช่นกัน

*หมายเหตุ: อี-เวาเชอร์ 600 บาทต่อคืนนั้น สามารถใช้ตั้งแต่วันที่เช็คอิน จนถึงวันที่เช็คเอาท์ (เวลา 23.59 น.) เท่านั้น และหากพบว่าไม่มีการใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ รัฐจะดึงเงินดังกล่าวกลับคืนระบบทันที

159232239442

3. วิธีจองให้ได้ส่วนลด + เงินเที่ยวรวมสูงสุด 18,000 บาท

ถ้าอยากจองสิทธิ์ให้ได้ทั้งส่วนลดห้องพักและเงินเที่ยวสูงสุด ต้องทำยังไง? คำตอบคือ ต้องลงทะเบียนแพ็คเกจ “เราไปเที่ยวกัน” พร้อมจองที่พัก 5 คืนติดต่อกัน และควรเป็นห้องพักหรูที่มีราคาประมาณ 8,000-10,000 บาทต่อคืนขึ้นไป ถึงจะได้รับส่วนลดห้องพักสูงสุดเต็มเพดาน 15,000 บาทสำหรับการพัก 5 คืน (ถ้าห้องพักราคาต่ำกว่านี้ก็คิดส่วนลดตามหลักรัฐช่วยจ่าย 40%) และยังได้เงินเที่ยว (อี-เวาเชอร์) สูงสุด 5 คืน เป็นเงินจำนวน 3,000 บาทด้วย รวมเป็นมูลค่าทั้งหมด 18,000 บาทนั่นเอง

159232239342

4. วิธีจองส่วนลดตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ราคาถูก 2,500 บาท

หลังจากจัดการเรื่องห้องพักในสถานที่ที่ต้องการไปเที่ยวได้แล้ว จากนั้นก็ถึงเวลาเตรียมการเกี่ยวกับ “การเดินทาง” โดยประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” เพื่อรับสิทธิ์ซื้อบัตรโดยสารราคาถูกของทั้งสายการบิน รถขนส่งไม่ประจำทาง และรถเช่าได้ โดยรัฐจะสนับสนุนในอัตรา 40% ของราคาค่าบัตรโดยสาร และผู้ซื้อจ่ายจริงเพียง 60% แต่สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

ตัวอย่าง(1) : เมื่อลงทะเบียนแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” พร้อมกดซื้อบัตรโดยสารราคา 1,000-2,000 บาท ผู้ซื้อจะจ่ายจริงเพียง 600-1,200 บาท และรัฐจะช่วยจ่ายอีก 400-800 บาท

ตัวอย่าง(2) : เมื่อลงทะเบียนแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” พร้อมกดซื้อบัตรโดยสารราคา 3,000 บาท ผู้ซื้อจะจ่ายจริงเพียง 2,000 บาท และรัฐจะช่วยจ่ายเต็มเพดานสูงสุด 1,000 บาท

แล้วถ้าอยากจองสิทธิ์ส่วนลดตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ในราคาสุดคุ้มเพียง 2,500 บาท ต้องทำยังไง? คำตอบคือ ต้องลงทะเบียนแพ็คเกจ “เราไปเที่ยวกัน” และแพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข” ไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือ ถ้าประชาชนมีการจองห้องพักในโครงการ “เราไปเที่ยวกัน” ก็จะได้รับสิทธิ์จองตั๋วเครื่องบินทั้งไปและกลับ จากโครงการ “เที่ยวปันสุข” ในราคาพิเศษ 2,500 บาท ให้อีก 1 สิทธิ์ทันที!