เปิดสเปค ‘Huawei Nova 7 SE’ และ ‘Huawei Nova 7’ ในราคาหมื่นต้นๆ

หลังจากที่ “หัวเว่ย ประเทศไทย” ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ในตระกูล Nova 7 ไปถึง 2 รุ่น คือ Huawei Nova 7 และ Huawei Nova 7 SE เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา รวมถึงในครั้งนี้ยังมีการเพิ่มสีเงิน Skyline Grey ของรุ่น Huawei Nova 7i อีกด้วย

สำหรับสาวกหัวเว่ยก็คงจะติดตามมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสเปคที่คุ้มค่าสุดๆ ในราคาสบายกระเป๋า ครั้งนี้ไปดูกันว่า สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดอย่าง Huawei Nova 7 และ Huawei Nova 7 SE ที่ถูกยกระดับให้เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G จะคุ้มค่าแค่ไหน สเปคเป็นอย่างไรบ้าง?

• Huawei Nova 7 SE

เริ่มจาก Huawei Nova 7 SE สมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ในราคาเริ่มต้น 11,900 บาท มาด้วยดีไซน์ที่ใช้กระจก 3D มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Space Silver และ Crush Green ที่มาพร้อมด้วยหน้าจอแบบ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดแบบ Full HD+ อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 90.3%

สำหรับระบบประมวลผลใช้แบบ 7nm Kirin 820 ประกอบด้วย ซีพียู 8-core ขั้นสูง, 6-core GPU และ NPU  ขณะที่ RAM มีขนาด 6 GB และ ROM ขนาด 128 GM ขณะเดียวกันรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับความอึด เพราะให้แบตเตอรี่ถึง 4,000 มิลลิแอมป์ และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว จาก 0 เป็น 70% ภายในเวลาเพียง 30 นาที

โดดเด่นด้วยกล้อง 4 ตัว ระบบ Quad-AI 64 MP หรือความละเอียดสูงสุด 64 MP และมีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด1/1.7 ที่จะทำให้ภาพที่ได้เห็นรายละเอียดคมชัด ทั้งนี้กล้อง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 64 MP เลนส์มุมกว้างพิเศษ 8 MP กล้องโบเก้ 2 MP และกล้องมาโคร 2 MP ส่วนกล้องหน้าอยู่มุมซ้ายของหน้าจอ ทำให้ไม่บดบังหน้าจอ

นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ของคนที่ต้องการถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังในเวลาพร้อมกันก็สามารถทำได้ เพราะ Huawei Nova 7 SE เทคโนดลยี Dual-View Video

ทั้งนี้เริ่มเปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.2563 และกำหนดสินค้าประมาณวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ซึ่งจะได้รับฟรีคูปองส่วนลด 10%, Huawei Mini Speaker (มูลค่า 1,090 บาท) ตั้งแต่วันที่ 10-18 มิถุนายน 2563 (เฉพาะ 1,000 ออเดอร์แรก) ทั้งนี้ Pre-order รับฟรี HUAWEI Band 4 Pro Huawei Mobile Cloud และ VIP Service รวมถึง HUAWEI Mobile Cloud Storage 15 GB (ฟรี 12 เดือน*)

• Huawei Nova 7

อีกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยคือ Huawei Nova 7 ที่หัวเว่ยออกมาเพื่อเอาใจคอเกม และยังเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ด้วย หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว บาง 7.96 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาเพียง 180 กรัม ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ทั้ง Space Silver และ Midsummer Purple โดย RAM ขนาด 8 GB ROM ขนาด 256 GB 

แบตเตอรี่ก็ให้ความจุดมาเต็มๆ 4,000 มิลลิแอมป์ และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว จาก 0 เป็น 75% ภายในเวลาเพียง 30 นาที

หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ความละเอียดFull HD+ (2400 x 1800) และซีนีมาติก สีสวยสดใส จอแสดงผลที่หัวเว่ยให้มาเป็นแบบ Punch FullView Display และเทคโนโลยีที่ช่วยลดการรับแสง และยังสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

สำหรับรุ่นนี้ Huawei ใช้การประมวลผลแบบใหม่ 7nm Kirin 985 ชิปเซต ที่ร่วมการทำงานกับ octa-core CPU GPU และ NPU ซึ่งจะช่วยลบสิ่งรบกวนในภาพถ่ายและการถ่ายวิดีโอ

ขณะที่ตัวกล้องโดดเด่นด้วยกล้อง 4 ตัวเช่นกัน กล้องหลักมีความละเอียดสุงสุด 64 MP, เลนส์เทเลโฟโต้ 8 MP ที่สามารถใช้ไฮบริดซูมได้ถึง 5X และซูมแบบดิจิทัลซูมได้ถึง 20X  กล้องโบเก้ 2 MP และกล้องมาโคร 2 MP ส่วนกล้องหน้า 32 MP อยู่มุมซ้ายของหน้าจอ มีฟีเจอร์ AI Beauty และมีโหมดเซลฟี่ในที่แสงน้อย Super Night Portrait 3.0

นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ของคนที่ต้องการถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังในเวลาพร้อมกันก็สามารถทำได้ เพราะ Huawei Nova 7 SE เทคโนโลยี Dual-View Video ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ราคา 16,990 บาท พร้อมๆ กับสีเงิน Skyline Grey ของรุ่น Huawei Nova 7i