'กลาโหม' ปฏิรูปกองทัพ ลดงบด้านบุคลากรระยะยาว

'กลาโหม' ปฏิรูปกองทัพ ลดงบด้านบุคลากรระยะยาว

"คงชีพ" เผยคืบหน้าปฏิรูปกองทัพ ใช้กำลังพลสำรอง-บรรจุข้ารการพลเรือนแทนการเพิ่มคน ลดภาระงบประมาณด้านบุคลากรระยะยาว 

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 63 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการปฏิรูปกองทัพ ว่า มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงกลาโหมจัดกลุ่มภารกิจงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และให้น้ำหนักกับภารกิจของภัยจากสงครามรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของทุกเหล่าทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรองรับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในมิติต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“ในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนในการปฏิรูปกองทัพและส่งเสริมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ให้นำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวและนำข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาบรรจุรับราชการ เพื่อทดแทนการบรรจุกำลังทหารประจำการ” พล.ท.คงชีพ กล่าว

พล.ท.คงชีพ กล่าวด้วยว่า กระทรวงกลาโหมปฏิรูประบบงานกำลังพล โดยตั้งเป้าหมายปรับลดอัตรากำลังทหารประจำการลง ด้วยเงื่อนไขไม่เพิ่มจำนวนข้าราชการและงบประมาณ บนพื้นฐานการบริหารจัดการงานหลัก ๆ ทั้งด้านสมรรถนะ ด้านผลงาน ตลอดจนด้านคุณธรรมและความเป็นมืออาชีพ 

“ส่วนความคืบหน้าของการนำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้ เพื่อลดจำนวนอัตราข้าราชการทหารและแก้ปัญหาความคับคั่งในแต่ละชั้นยศ โดยเฉพาะชั้นยศระดับสูงในอนาคต ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้รับราชการในกระทรวงกลาโหม โดยมีตำแหน่งที่มิใช่อัตราทหารและไม่มีชั้นยศได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป เพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางในกลุ่มลักษณะงานต่างๆ เช่น  ด้านการแพทย์ ด้านกฎหมาย ด้านการงบประมาณและการบัญชี ด้านครูอาจารย์ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ ด้านธุรการและอื่นๆ” พล.ท.คงชีพ กล่าว

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการนำกำลังสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวในหน่วยรบและหน่วยสนับสนุนการรบนั้น ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการสัญญาจ้างแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะรับสมัครและสอบคัดเลือกครบทุกเหล่าทัพให้เสร็จภายในปีงบประมาณ 2563 โดยจะดำเนินการในรูปแบบสัญญาจ้างระยะเวลา 4-8 ปี เพื่อให้ได้กำลังพลสำรองที่มีอายุน้อย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ทดแทนการบรรจุข้าราชการทหารประจำการในหน่วยรบ ซึ่งจะเป็นการประหยัดและลดภาระผูกพันงบประมาณด้านบุคลากรในระยะยาว