ปรับแผนจุดตรวจ หลังยกเลิกเคอร์ฟิว ผบ.ตร.สั่งคุมเข้ม

ปรับแผนจุดตรวจ หลังยกเลิกเคอร์ฟิว ผบ.ตร.สั่งคุมเข้ม

“พล.ต.อ.จักรทิพย์” สั่งปรับแผนตั้งจุดตรวจ หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว จัดชุดเคลื่อนที่เร็วติดตามสถานการณ์ กวดขันกิจการ-กิจกรรมผ่อนปรนระยะ 4 เข้มจับกุมผู้กระทำความผิด

 “ศบค.” ระบุพบผู้ป่วยใหม่1ราย จากศูนย์กักกัน “ปักกิ่ง” พบติดเชื้อโควิดเพิ่มต่อเนื่อง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล หลังจากรัฐบาล มีคำสั่งให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ยกเลิกเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 23.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. พร้อมทั้งมีมาตรการผ่อนคลายการใช้อาคารสถานที่ การดำเนินกิจกรรมบางอย่าง

โดยกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติในทุกพื้นที่ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมการฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยในห้วงที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจาก ประชาชน ผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายกิจกรรม กิจการ ร้านค้า สถานประกอบการ สนามกีฬาโรงแรม ต่างๆ เป็นอย่างดี

ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. เป็นต้นไปให้ปรับแผนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เป็นจุดตรวจความมั่นคงและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์ พร้อมให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและฝ่ายสืบสวนเพื่อออกตรวจพื้นที่และติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงรวมทั้งกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดที่เป็นการซ้ำเติมประชาชนและกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนและสังคมเช่น การประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน การกู้ยืมเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การหลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์

รวมถึงการรวมกลุ่มแข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ขับรถในขณะเมาสุรา ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมืองความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ หรือความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างมีรูปธรรม

ทั้งนี้ให้ออกคำสั่งมอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดสืบสวนหาข่าวไว้โดยกำหนดจำนวนเวลาการปฏิบัติหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อใช้ในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนของทางราชการของผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยให้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องออกตรวจติดตาม ตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่ หรือสถานประกอบการการทำกิจกรรมด้านต่างๆ ที่ได้รับการผ่อนคลาย โดยเฉพาะกิจการและกิจกรรมในระยะที่ 4ว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ดังกล่าวครบถ้วนหรือไม่

อย่างไรหากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด คำสั่ง หรือประกาศที่เกี่ยวข้อง ก็ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เหมาะสมตามสมควรแก่กรณี

พบผู้ป่วยใหม่1รายจากศูนย์กักกัน

ขณะเดียวกัน ศบค. สรุปสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 วันที่ 14 มิ.ย.ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 ราย รวมยอดสะสม 3,135 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 90 ราย หายป่วยทั้งหมด 2,987 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เป็นนักเรียนหญิงไทย อายุ 25 ปี กลับจากสหรัฐอเมริกา เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 8 มิถุนายน 2563 เข้าพักใน State Quarantine และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 12 มิถุนายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

กทม.ผ่อนปรน11สถานที่

ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้กทม.ยังไม่มีการผ่อนปรน 5 สถานที่ ได้แก่ 1. สถานบริการผับ บาร์ สถานบันเทิง 2. สนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ 3. ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต 4. สถานประกอบกิจการอาบอบนวด และ 5. สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นๆ ที่อยู่ในลักษณะเดียวกัน

สำหรับ 11 สถานที่ที่มีการผ่อนปรน ซึ่งจะเริ่มในวันนี้ ได้แก่ 1.ให้ใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน ​2.โรงแรม โรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ หรือสถานที่อื่นๆ ในส่วนของศูนย์ประชุม ข้อกำหนดบอกชัดเจนว่า 4 ตารางเมตรต่อคน

3. ร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วไป อนุญาตให้มีการบริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ 4.สถานที่รับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานที่สงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการให้แก่เด็ก และผู้สูงอายุ ​5.ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ต้องทำตามมาตรการ

6.การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ 7.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือสถานประกอบการนวดแผนไทย ​8.สวนสาธารณะประเภทลานกิจกรรม ​9. สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ให้มีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และไม่ให้ใช้บริการเกิน 2 ชั่วโมง ​10.สนามกีฬา หรือสถานที่เพื่อการออกกำลังกาย ให้มีการแข่งขันได้ ต้องไม่มีผู้ชมอยู่ในสนามแข่งขัน ​11. ตู้เกม เครื่องหยอดเหรียญที่ได้รับการอนุญาตตามกฎหมาย สามารถให้บริการได้

บขส. เพิ่มเส้นทางเปิดเดินรถ

กองสื่อสารองค์กรและการตลาด สำนักอำนวยการ บริษัท ขนส่ง จำกัด ระบุว่า ในวันที่ 15 มิถุนายน นี้ บขส. ได้เพิ่มเส้นทางเปิดเดินรถเส้นทางภาคเหนือเพิ่มอีก 8 เส้นทาง รวม 15 เส้นทาง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เปิดให้บริการ จำนวน 22 เส้นทาง ยกเว้น 4 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทาง 9907 กรุงเทพฯ (มอเตอร์เวย์) จันทบุรี , เส้นทาง 904 กรุงเทพฯ-สระบุรี , เส้นทาง 921 กรุงเทพฯ - องครักษ์ – อรัญประเทศ และเส้นทาง 825 ทอ สุวรรณภูมิ – หนองคาย ส่วนภาคใต้ให้บริการทุกเส้นทางแล้ว

ทั้งนี้ แนะผู้โดยสารจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ลดความแออัดในการเข้าใช้สถานีขนส่งฯและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 สามารถจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า 7 วัน ผ่านเว็บไซต์ www.busticket.in.th

“ปักกิ่ง”พบโควิดเพิ่มต่อเนื่อง

คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) รายงานวานนี้ (14 มิ.ย.) พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มอีก 57 คน ถือเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ในจำนวนนี้ 36 คนเป็นการติดต่อในชุมชนในกรุงปักกิ่ง ต่อมาหน่วยงานสาธารณสุขปักกิ่งเผยว่า ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตลาดเนื้อซินฟาตี้

อีก 2 คนที่เป็นการติดเชื้อในประเทศอยู่ที่มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในปักกิ่ง

หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลีของทางการจีนรายงานว่า หนึ่งในผู้ติดเชื้อรายใหม่วานนี้ เป็นชายวัย 56 ปี ทำงานเป็นคนขับรถบัสสนามบิน และเคยไปตลาดซินฟาตี้ จากนั้นป่วยเป็นไข้ในสัปดาห์ต่อมา ได้รับการวินิจฉัยว่าติดโควิด-19

ซินฟาตี้เป็นตลาดใหญ่มาก อาหารสดจากที่นี่ส่งไปขายเกือบทั่วเมือง วานนี้ทางการสั่งปิดแผนกขายเนื้อแล้ว ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายร้อยนาย สนธิกำลังกับสารวัตรทหารหลายสิบนายเข้าไปปิดทางเข้าแผนกขายเนื้อ

ทั้งนี้การพบคลัสเตอร์ใหม่ทำให้กรุงปักกิ่งสั่งล็อกดาวน์บางส่วน ประชาชนใน 11 ชุมชนใกล้ตลาดต้องอยู่แต่ในบ้าน นายซู เหอเจี้ยน เจ้าหน้าที่กรุงปักกิ่งเผยว่า ตอนนี้ปักกิ่งเข้าสู่ช่วงเวลาพิเศษ หลังจากเอ็นเอชซียืนยันผู้ป่วยรายแรกในรอบ 2 เดือนเมื่อวันศุกร์ (12 มิ.ย.) โดยทางการเลื่อนกำหนดเปิดโรงเรียนประถมออกไปอีก