วัดความพร้อม ‘จับคู่ท่องเที่ยว’ เอเชีย

วัดความพร้อม ‘จับคู่ท่องเที่ยว’ เอเชีย

วัดความพร้อมมาตรการ “ฟองสบู่การเดินทาง” (Travel Bubble) หรือการเปิดท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางเฉพาะประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในภูมิภาคเอเชีย ประเทศใดบ้างที่มีมาตรการท่องเที่ยวลักษณะนี้ และเลือกจับคู่กับประเทศใดบ้าง?

นับเป็นข่าวดีเมื่อสื่อญี่ปุ่นรายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลโตเกียวว่า ญี่ปุ่นเตรียมผ่อนปรนข้อจำกัดในการเดินทางช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยจะอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติจากไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเวียดนาม สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้แบบจำกัด 250 คนต่อวัน

การจับคู่เปิดการเดินทางแบบจำกัดระหว่างกันถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว และเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมื่อหลายประเทศลงมือทำอย่างจริงจัง พร้อมๆ กับการกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางขนานใหญ่ของผู้คนจะฟื้นคืนมาอีกครั้ง 

เว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานพัฒนาการล่าสุดของการเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เริ่มต้นจากแนวคิด “ฟองสบู่การเดินทาง” (แทรเวลบับเบิล) ระหว่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก แต่นิวซีแทรเวลบับเบิลยังเป็นไปไม่ได้ ขณะที่ออสเตรเลียยังห้ามเดินทางข้ามรัฐ ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) คุกไอส์แลนด์สประกาศว่าจะเปิดพรมแดนกับนิวซีแลนด์อีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. 

จีน ตอนนี้อนุญาตให้ชาวจีนกลับประเทศได้เท่านั้น ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีวีซ่าหรือได้รับอนุญาตให้พำนักได้ถาวรก็ยังเข้าไม่ได้ แต่จีนลงนามทำโครงการฟาสต์แทร็กกับเกาหลีใต้และสิงคโปร์ อนุญาตให้เดินทางเพื่อการทำธุรกิจที่จำเป็น และกำลังเจรจาขยายโครงการกับอีกหลายประเทศ นอกจากนี้จีนยังอนุญาตให้ผู้บริหารและช่างเทคนิคต่างชาติจากบางประเทศเดินทางเข้ามาได้โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า บางครั้งก็ลดการกักกันลงเพื่อเร่งให้ธุรกิจกลับมาเหมือนปกติ

ญี่ปุ่น แผนการอนุญาตให้นักเดินทางจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย และเวียดนามเข้าประเทศได้มากถึงวันละราว 250 คน ตั้งเป้านำมาใช้ในฤดูร้อนนี้ เริ่มต้นจากนักธุรกิจ เช่น ผู้บริหาร วิศวกร ก่อน

แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นระบุด้วยว่าที่เลือก 4 ประเทศนี้เพราะควบคุมการระบาดได้แล้ว และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งกับญี่ปุ่น ขณะนี้รัฐบาลโตเกียวกำลังหารือในรายละเอียดถึงจำนวนที่คนในแต่ละประเทศจะเข้ามาได้ มาถึงแล้วจะมีอิสระในการเดินทางมากน้อยแค่ไหน ต่อไปจะขยายข้อตกลงไปถึงประเทศอื่นๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ และสหรัฐ

สิงคโปร์ อนุญาตให้นักเดินทางมาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินชางงีแต่ยังไม่เปิดพรมแดน ขณะนี้กำลังเจรจาเรื่องจับคู่เดินทางกับบางประเทศ เช่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ส่วนข้อตกลงฟาสต์เลนที่ทำกับจีนมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. อนุญาตให้นักธุรกิจและข้าราชการเดินทางระหว่างสิงคโปร์กับ 6 เขตของจีน ได้แก่ ฉงชิ่ง กวางตุ้ง เจียงซู เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และเจ้อเจียง โดยไม่ต้องกักตัวนาน

ส่วนท่าทีของประเทศและเขตปกครองอื่นๆ ในเอเชีย อินเดียยังปิดพรมแดน แต่รัฐบาลแถลงในสัปดาห์นี้ว่าจะอนุญาตให้เที่ยวบินระหว่างประเทศบริการได้เมื่อประเทศทั้งหลายผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับชาวต่างชาติ

รัสเซีย นายกรัฐมนตรีมิกาอิล มิชุสติน แถลงเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ถึงขั้นตอนแรกในการอนุญาตให้ชาวรัสเซียเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปทำงาน เรียนหนังสือ หรือดูแลญาติผู้เจ็บป่วยได้ เช่นเดียวกับคนต่างชาติที่เข้ารัสเซียมาดูแลญาติได้เช่นกัน

เกาหลีใต้ เที่ยวบินต่างชาติบริการแล้วไม่กี่เที่ยว พลเมืองและชาวต่างชาติทุกคนที่เข้าประเทศต้องถูกกักตัว 2 สัปดาห์ ยกเว้นนักการทูตหรือชาวต่างชาติที่มีสถานะทางธุรกิจอย่างเป็นทางการไม่ต้องกักตัว แต่มาถึงแล้วต้องตรวจหาเชื้อ

ไต้หวัน คนต่างชาติส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ได้ ยกเว้นชาวไต้หวันและผู้มีถิ่นพำนักถาวร มาถึงแล้วต้องถูกกักตัว 14 วัน ขณะนี้มีเที่ยวบินต่างประเทศให้บริการอย่างจำกัด รัฐบาลไต้หวันค่อนข้างระมัดระวังเนื่องจากสถานการณ์ในหลายประเทศยังรุนแรง

สถานการณ์ในอาเซียน กัมพูชา รัฐบาลเผยว่าจะเก็บค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 จากชาวต่างชาติที่เข้าประเทศ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมเดินทาง 5 ดอลลาร์จากสนามบินไปยังศูนย์รอผลตรวจโรค ค่าตรวจโควิด 100 ดอลลาร์ ค่าที่พักโรงแรมหรือพักที่ศูนย์ระหว่างรอผล 30 ดอลลาร์

ค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร 30 ดอลลาร์ ค่าซักรีด 15 ดอลลาร์ ค่าเรียกพยาบาล 6 ดอลลาร์ และค่ารักษาความปลอดภัย 3 ดอลลาร์ ถ้านักเดินทางคนใดตรวจเชื้อได้ผลเป็นบวก ทุกคนในกลุ่มต้องถูกกักตัว 14 วัน แต่ละคนต้องจ่ายค่าตรวจเชื้อเพิ่ม 1-4 ครั้ง ค่าใช้จ่ายยังรวมถึงค่าห้องโรงพยาบาลวันละ 30 ดอลลาร์ ค่ารักษา 150 ดอลลาร์ ในกรณีเสียชีวิตค่าฌาปนกิจ 1,500 ดอลลาร์

อินโดนีเซีย พลเมืองและผู้มีวีซ่าอยู่ในประเทศได้ในระยะยาวจะต้องแสดงเอกสารระบุว่าปลอดไวรัส หรือต้องตรวจหาเชื้อที่สนามบิน ทั้งนี้ อินโดนีเซียเปิดการเดินทางภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยและการกักตัวไว้ด้วย

มาเลเซีย ยังปิดพรมแดนแต่อนุญาตให้เดินทางระหว่างรัฐได้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. ชาวมาเลเซียที่เดินทางกลับประเทศแล้วตรวจไวรัสได้ผลเป็นลบไม่ต้องเข้าศูนย์กักกัน แต่ต้องกักตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน

ฟิลิปปินส์ ห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. ยกเว้นชาวต่างชาติที่เป็นคู่สมรสหรือลูกของชาวฟิลิปปินส์ นักการทูต และผู้ที่ทำงานในองค์การระหว่างประเทศ ทุกคนรวมทั้งชาวฟิลิปปินส์ที่เข้ามาต้องถูกกักตัว 14 วันในสถานที่ที่รัฐกำหนด

เวียดนาม เปิดประเทศให้เฉพาะพลเมืองเวียดนามและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่มีใบอนุญาตทำงาน และใบรับรองว่าผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ โดยต้องเดินทางมาด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ มาถึงแล้วต้องถูกกักตัว 14 วัน

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.รัฐบาลประกาศว่าจะเปิดให้เที่ยวบินเดินทางไปในประเทศที่ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเวลา 30 วัน แต่เป็นการจำกัดเที่ยวบินและให้ความสำคัญกับผู้เชี่ยวชาญต่างชาติและนักลงทุนก่อน

ประเด็นสำคัญตอนนี้คือใครจะได้มาก่อนและมาเมื่อใด เคน แอตคินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้เป็นรองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยวเวียดนามชี้ว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเมือง การจับคู่เดินทางจะต้องมีการกำหนดเกณฑ์เบื้องต้นเอาไว้ เช่น ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศในรอบ 1 เดือน

ด้วยเหตุนี้ประเทศที่จัดการการแพร่ระบาดได้ดีอย่างเกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ จึงมีแนวโน้มได้รับอนุญาตเป็นประเทศแรกๆ ส่วนนักท่องเที่ยวจีนอาจจะเปิดให้ในช่วงวันหยุดโกลเดนวีคช่วงต้นเดือน ต.ค.